สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 7 เรื่อง ดังนี้
1. วันเดียวกัน ( 21 ก.ย.) มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า
1) ในกรณีที่เป็นข้าราชการครู กศน.อำเภอ ถ้าเจ้าตัวไม่ได้ทำเรื่องขอย้าย ผอ.กศน.อำเภอมีสิทธิ์ทำเรื่องย้าย ขรก.คนนั้นไหม
2) ถ้าได้ ในกรณีใด และ ขรก.ครู คนนั้น เมื่อโดนสั่งย้ายไปอำเภออื่น มีสิทธิ์เบิกค่าเช่าบ้านได้ไหม
3) ถ้าไม่ได้ ข้าราชการคนนั้น ควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง
1. วันเดียวกัน ( 21 ก.ย.) มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า
1) ในกรณีที่เป็นข้าราชการครู กศน.อำเภอ ถ้าเจ้าตัวไม่ได้ทำเรื่องขอย้าย ผอ.กศน.อำเภอมีสิทธิ์ทำเรื่องย้าย ขรก.คนนั้นไหม
2) ถ้าได้ ในกรณีใด และ ขรก.ครู คนนั้น เมื่อโดนสั่งย้ายไปอำเภออื่น มีสิทธิ์เบิกค่าเช่าบ้านได้ไหม
3) ถ้าไม่ได้ ข้าราชการคนนั้น ควรปฏิบัติอย่างไรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง
ผมตอบว่า
1) ถ้าไม่ได้ยื่นขอย้ายตามความประสงค์ของตนเอง และไม่ได้ย้ายไปยังเขตที่บรรจุครั้งแรก ก็เบิกค่าเช่าบ้านได้
2) ไม่ได้ยื่นขอย้าย ผู้มีอำนาจในการสั่งบรรจุแต่งตั้ง ( ของเราปัจจุบันหมายถึงปลัดกระทรวง ศธ.) จึงจะมีอำนาจสั่งย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการได้ แต่ ผอ.กศน.อำเภอ มีสิทธิ์เสนอเหตุผลพร้อมหลักฐานไปตามลำดับเพื่อให้ปลัดกระทรวงฯพิจารณาย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการ แต่โดยปกติถ้าเจ้าตัวไม่ประสงค์จะย้าย จะต้องเป็นผู้มีความผิดหรือมีปัญหาโดยมีหลักฐานชัด มิฉะนั้นเจ้าตัวจะฟ้องศาลปกครองได้
2. วันเดียวกัน ( 21 ก.ย.58 ) กศน.ตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า SAR ของ กศน.ตำบล จะต้องทำงัย มีแบบตัวอย่างมั้ย
1) ถ้าไม่ได้ยื่นขอย้ายตามความประสงค์ของตนเอง และไม่ได้ย้ายไปยังเขตที่บรรจุครั้งแรก ก็เบิกค่าเช่าบ้านได้
2) ไม่ได้ยื่นขอย้าย ผู้มีอำนาจในการสั่งบรรจุแต่งตั้ง ( ของเราปัจจุบันหมายถึงปลัดกระทรวง ศธ.) จึงจะมีอำนาจสั่งย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการได้ แต่ ผอ.กศน.อำเภอ มีสิทธิ์เสนอเหตุผลพร้อมหลักฐานไปตามลำดับเพื่อให้ปลัดกระทรวงฯพิจารณาย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการ แต่โดยปกติถ้าเจ้าตัวไม่ประสงค์จะย้าย จะต้องเป็นผู้มีความผิดหรือมีปัญหาโดยมีหลักฐานชัด มิฉะนั้นเจ้าตัวจะฟ้องศาลปกครองได้
2. วันเดียวกัน ( 21 ก.ย.58 ) กศน.ตำบลท่าไม้ อำเภอพรานกระต่าย ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า SAR ของ กศน.ตำบล จะต้องทำงัย มีแบบตัวอย่างมั้ย
ผมตอบว่า ไม่มีตัวอย่าง
เพราะส่วนกลางไม่ได้ให้ทำ SAR
ของ กศน.ตำบล ( ให้ทำ SAR เฉพาะ
"สถานศึกษา" ซึ่ง กศน.ตำบลไม่ใช่สถานศึกษา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานศึกษา/กศน.อำเภอ
ข้อมูลของ กศน.ตำบลจะเป็นส่วนประกอบใน SAR ของ กศน.อำเภอ ) ใครกำหนดให้ทำก็ถามคนนั้นจึงจะตรงใจ
( โดยปกติการประเมิน ต้องยึดประเมินตาม มาตรฐาน/ตัวบ่งชี้ หรือจุดประสงค์/วัตถุประสงค์ ของสิ่งที่จะประเมิน คือต้องมีการกำหนดมาตรฐาน/ตัวบ่งชี้ หรือจุดประสงค์/วัตถุประสงค์ ของบทบาทภาระหน้าที่ไว้ก่อน แล้วประเมินตามนั้น )
3. ตามที่มีหนังสือแจ้งเรื่องซักซ้อมความเข้าใจมาจาก กพร. ให้พนักงานราชการปฏิบัติงานนอกพื้นที่กำหนดในสัญญาเป็นครั้งคราว นั้น
1) วันที่ 22 ก.ย.58 ภาคิณ วัชรานันทกุล เขียนต่อท้ายที่ผมโพสต์ในเฟซบุ๊ค ว่า แล้วพอพนักงานราชการลาออก ทำไมเอาตำแหน่งไปยัดลงจังหวัดหมดเลย อำเภอเจ้าอัตราขาดคนทำงาน รู้ยัง
ผมตอบว่า ปัจจุบัน "จังหวัด" ต้องเป็นผู้เสนอเข้าไปส่วนกลาง ขอเปลี่ยนตำแหน่งไปไว้ที่จังหวัดเพื่อให้ส่วนกลางเห็นชอบ ฉะนั้นเรื่องนี้ จังหวัดไหนทำ ก็ถามเหตุผลที่จังหวัดนั้น ( ถ้าจังหวัดบอกว่าส่วนกลางเปลี่ยนเองโดยที่จังหวัดไม่ได้ขอ ก็ลองโทร.ถามข้อเท็จจริงจาก กจ.กศน. )
( โดยปกติการประเมิน ต้องยึดประเมินตาม มาตรฐาน/ตัวบ่งชี้ หรือจุดประสงค์/วัตถุประสงค์ ของสิ่งที่จะประเมิน คือต้องมีการกำหนดมาตรฐาน/ตัวบ่งชี้ หรือจุดประสงค์/วัตถุประสงค์ ของบทบาทภาระหน้าที่ไว้ก่อน แล้วประเมินตามนั้น )
3. ตามที่มีหนังสือแจ้งเรื่องซักซ้อมความเข้าใจมาจาก กพร. ให้พนักงานราชการปฏิบัติงานนอกพื้นที่กำหนดในสัญญาเป็นครั้งคราว นั้น
1) วันที่ 22 ก.ย.58 ภาคิณ วัชรานันทกุล เขียนต่อท้ายที่ผมโพสต์ในเฟซบุ๊ค ว่า แล้วพอพนักงานราชการลาออก ทำไมเอาตำแหน่งไปยัดลงจังหวัดหมดเลย อำเภอเจ้าอัตราขาดคนทำงาน รู้ยัง
ผมตอบว่า ปัจจุบัน "จังหวัด" ต้องเป็นผู้เสนอเข้าไปส่วนกลาง ขอเปลี่ยนตำแหน่งไปไว้ที่จังหวัดเพื่อให้ส่วนกลางเห็นชอบ ฉะนั้นเรื่องนี้ จังหวัดไหนทำ ก็ถามเหตุผลที่จังหวัดนั้น ( ถ้าจังหวัดบอกว่าส่วนกลางเปลี่ยนเองโดยที่จังหวัดไม่ได้ขอ ก็ลองโทร.ถามข้อเท็จจริงจาก กจ.กศน. )
2)
ดึกวันที่ 22
ก.ย.58 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า ตามสัญญาจ้างฉันเป็นครูตำบล..... หลังจากมาตำบลตามตำแหน่งได้ระยะหนึ่ง มีคำสั่งจาก ผอ.อำเภอ
ให้ไปปฏิบัติหน้าที่อีกตำบลหนึ่ง แบบนี้ต้องย้ายกลับตำบลตามตำแหน่งใช่ไหม
ผมตอบว่า เฉพาะตำแหน่งครู กศน.ตำบล เลขที่ตำแหน่งจะระบุพื้นที่เจาะจงตำบลเลย ตำแหน่งเราจะยังอยู่ที่ตำบลเดิม ผอ.อำเภอไม่มีสิทธิ์ย้ายอย่างเป็นทางการ แต่ย้ายเป็นการภายในเท่านั้น ที่ถูกต้องจะต้องย้ายกลับ แต่ตอนที่ ผอ.ให้ย้ายนั้นไม่ถูกต้องได้ ผอ.ก็อาจให้ทำไม่ถูกต้องต่อไปอีกโดยไม่ให้ย้ายกลับก็อาจเป็นได้
ผมตอบว่า เฉพาะตำแหน่งครู กศน.ตำบล เลขที่ตำแหน่งจะระบุพื้นที่เจาะจงตำบลเลย ตำแหน่งเราจะยังอยู่ที่ตำบลเดิม ผอ.อำเภอไม่มีสิทธิ์ย้ายอย่างเป็นทางการ แต่ย้ายเป็นการภายในเท่านั้น ที่ถูกต้องจะต้องย้ายกลับ แต่ตอนที่ ผอ.ให้ย้ายนั้นไม่ถูกต้องได้ ผอ.ก็อาจให้ทำไม่ถูกต้องต่อไปอีกโดยไม่ให้ย้ายกลับก็อาจเป็นได้
เช่นเดียวกับ
ยังเหลือบางจังหวัดให้ครูอาสาฯไปทำงานอยู่ที่จังหวัดโดยไม่สนใจระเบียบหลักเกณฑ์อยู่เลย
กรณีที่มีคำสั่งส่วนกลาง (
สป.ศธ.) ออกมาแล้ว ให้ไปปฏิบัติงานนอกพื้นที่กำหนดในสัญญา ( ในคำสั่งจะไม่มีคำว่า
ย้าย และไม่ได้แปลว่า ถาวร ) ก็ยังไม่ต้องกลับ
ส่วนถ้าอำเภอหรือจังหวัดให้ไป ซึ่งไม่มีอำนาจ นั้น ถ้ามีผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ให้แจ้งไปที่ผู้บริหารเหนือขึ้นไปตามลำดับ ส่วนกลางจึงจะทราบและดำเนินการตามขั้นตอน
ส่วนถ้าอำเภอหรือจังหวัดให้ไป ซึ่งไม่มีอำนาจ นั้น ถ้ามีผู้ไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็ให้แจ้งไปที่ผู้บริหารเหนือขึ้นไปตามลำดับ ส่วนกลางจึงจะทราบและดำเนินการตามขั้นตอน
3) เรื่องที่ว่า ไปแล้วต้องกลับไหม ? ต่อไปย้ายไม่ได้แม้แต่การสับเปลี่ยนภายในจังหวัด/ภายในอำเภอ ใช่ไหม นั้น ถ้าเป็นคำสั่ง สป.ศธ. ยังไม่ต้องกลับ, สับเปลี่ยนภายในจังหวัดก็ไม่ได้ ถ้าเป็นตำแหน่งครู
กศน.ตำบลซึ่งเลขที่ตำแหน่งระบุพื้นที่เป็นตำบล ก็สับเปลี่ยนไม่ได้แม้ภายในอำเภอ
( วันที่ 23 ก.ย. ผมเรียนถามท่าน ผอ.กจ.กศน.ในเรื่องนี้ ท่านก็บอกอย่างนี้เข่นกันว่า ย้ายไม่ได้ สับเปลี่ยนเลขตำแหน่งภายในจังหวัดก็ไม่ได้ จังหวัดให้ย้ายสับเปลี่ยนเป็นการภายในก็ไม่ถูกต้อง/ไม่ได้ )
4. วันที่ 25 ก.ย.58 Kainoi Jansuda ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า สัญญาจ้างครู ศรช. เริ่มทำเดือนไหน
( วันที่ 23 ก.ย. ผมเรียนถามท่าน ผอ.กจ.กศน.ในเรื่องนี้ ท่านก็บอกอย่างนี้เข่นกันว่า ย้ายไม่ได้ สับเปลี่ยนเลขตำแหน่งภายในจังหวัดก็ไม่ได้ จังหวัดให้ย้ายสับเปลี่ยนเป็นการภายในก็ไม่ถูกต้อง/ไม่ได้ )
4. วันที่ 25 ก.ย.58 Kainoi Jansuda ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า สัญญาจ้างครู ศรช. เริ่มทำเดือนไหน
ผมตอบว่า แล้วแต่จังหวัด บางจังหวัดอาจคอยดูจำนวนนักศึกษาภาค 2/58 ก่อน ว่าหลังจากมีจบออกไปและสมัครใหม่จะเหลือครบ 60 คนหรือไม่
และคอยให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณก่อน
ถ้าเป็นการจ้างรายเดิมต่อเนื่องจากปีงบประมาณก่อน สามารถรอไปทำสัญญาจ้างภายหลัง โดยทำสัญญาจ้างให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค.ได้
แต่ถ้ายังไม่ทำสัญญา โดยจะไปทำสัญญาในเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะทำให้ในเดือน ต.ค.-พ.ย. ยังเบิกจ่ายค่าตอบแทน/ค่าจ้างให้ครู ศรช.ไม่ได้ ครู ศรช.จะไม่มีเงินใช้ ต้องคอยไปได้รับตกเบิกย้อนหลังในเดือนพ.ย.-ธ.ค.
ถ้าเป็นการจ้างรายเดิมต่อเนื่องจากปีงบประมาณก่อน สามารถรอไปทำสัญญาจ้างภายหลัง โดยทำสัญญาจ้างให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่ 1 ต.ค.ได้
แต่ถ้ายังไม่ทำสัญญา โดยจะไปทำสัญญาในเดือน พ.ย.-ธ.ค. จะทำให้ในเดือน ต.ค.-พ.ย. ยังเบิกจ่ายค่าตอบแทน/ค่าจ้างให้ครู ศรช.ไม่ได้ ครู ศรช.จะไม่มีเงินใช้ ต้องคอยไปได้รับตกเบิกย้อนหลังในเดือนพ.ย.-ธ.ค.
ในส่วนของการจ้างเหมาบริการ ถ้าจะจ้างอัตราเก่าต่อเนื่องจากปีงบประมาณก่อน
ก็ยังไม่จำเป็นต้องทำสัญญาจ้างหรือใบสั่งจ้าง
สามารถรอให้ได้รับการจัดสรรงบประมาณก่อนแล้วค่อยทำสัญญาหรือใบสั่งจ้างให้มีผลย้อนหลังตั้งแต่
1
ต.ค. ได้ เป็นไปตามข้อ 1-2 ในหนังสือคณะกรรมการว่าด้วยการพัสดุ
ด่วนที่สุด ที่ กค (กวพ) 0408.4/ว351 ลงวันที่
9 ก.ย.48 ( ดูหนังสือฉบับนี้ได้ที่ https://db.tt/sVLyUOSk ) แต่ต้องให้ผู้มีอำนาจอนุมัติให้จ้างไว้ก่อนสิ้นปีงบประมาณ
30 ก.ย. ( จัดทำเรื่องจัดจ้างไว้ให้พร้อมที่จะลงนามในสัญญาหรือใบสั่งจ้าง
แต่ยังไม่ต้องลงนามในสัญญาหรือใบสั่งจ้าง )
ถ้าจะลงนามในสัญญา/ใบสั่งจ้างเลยก็ได้ โดยถ้าจะทำสัญญา/ใบสั่งจ้างก่อนได้รับการจัดสรรงบประมาณ ให้ระบุในสัญญา/ใบสั่งจ้างว่า สัญญา/ใบสั่งจ้างฉบับนี้จะมีผลเมื่อได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณแล้ว
ถ้าจะลงนามในสัญญา/ใบสั่งจ้างเลยก็ได้ โดยถ้าจะทำสัญญา/ใบสั่งจ้างก่อนได้รับการจัดสรรงบประมาณ ให้ระบุในสัญญา/ใบสั่งจ้างว่า สัญญา/ใบสั่งจ้างฉบับนี้จะมีผลเมื่อได้รับอนุมัติเงินประจำงวดจากสำนักงบประมาณแล้ว
แต่ถ้าจ้างอัตราตั้งใหม่ที่ยังไม่เคยจ้าง
จะทำสัญญา/ใบสั่งจ้างให้มีผลย้อนหลังไปก่อนวันลงนามในสัญญา/ใบสั่งจ้างไม่ได้
5. ตั้งแต่เย็นถึงคืนวันที่ 28 ก.ย.58 มีพนักงานจ้างเหมาคนหนึ่ง ถามตอบกับผมในแฟนเพจเฟซบุ๊คผมหลายข้อ เช่น
5. ตั้งแต่เย็นถึงคืนวันที่ 28 ก.ย.58 มีพนักงานจ้างเหมาคนหนึ่ง ถามตอบกับผมในแฟนเพจเฟซบุ๊คผมหลายข้อ เช่น
1) ทำสัญญาจะระบุวันจ่ายเงิน
ปกติคือสิ้นเดือน
ในระเบียบไม่มีแจ้งไว้เลยว่าการที่รัฐไม่สามารถจ่ายได้ในเวลาที่กำหนดจะต้องจ่ายดอกเบี้ยหรือถูกปรับเป็นจำนวนเงินเท่าไหร่
มีแต่การปรับผู้รับจ้างในกรณีที่ส่งมอบงานล่าช้าหรือไม่ตรงตามสัญญา ไม่ยุติธรรม
2) ผู้รับจ้างถือเป็นบุคคลภายนอกรับจ้างทำงานตามภารกิจ การว่าจ้างนั้นดูตามผลของงานที่มีขอบเขตของระยะเวลาการส่งมอบ แล้วเพราะอะไรถึงต้องบังคับให้มาทำงานตามเวลาราชการ
ผู้ใช้บริการห้องสมุดจะใช้มากช่วงเย็นและสุดสัปดาห์ เวลาราชการมีเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ทำไมถึงให้ผู้รับจ้างเหมามาทำงานในเวลาที่ซ้อนกัน เจ้าหน้าที่ให้ผู้รับจ้างเหมาทำงานมากกว่าตนเอง แทนที่จะให้จ้างเหมาเข้าทำงานเวลา 12.00-20.00 น. จะได้มีคนสับเปลี่ยน ดีกว่าเอาเปรียบให้เจ้าหน้าที่เบิกเงินล่วงเวลา
3) เพราะอะไรถึงไม่ใช้เงินตัวอื่น เปลี่ยนการจ้างจากผู้รับจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราว ทำไมไม่คุ้มครองแรงงานของตัวเองให้ดีเพราะถือว่าทำงานให้หลวงโดยตรง
สิ้นปีงบประมาณมาจะต้องคิดหาโครงการมาใช้เงินส่วนที่เหลือ หลวงมีระเบียบว่าขอเงินมาแล้ว ให้มาแล้วต้องใช้ให้หมด ซึ่งก็รู้ว่ากี่โครงการทำจริง กี่โครงการจัดขึ้นเพื่อใช้ให้เงินหมดๆไป การศึกษาดูงานบางอย่างเป็นแค่โครงการในกระดาษเท่านั้น
4) ตีค่าคนเป็นวัสดุ มองค่าคนต่ำไป
2) ผู้รับจ้างถือเป็นบุคคลภายนอกรับจ้างทำงานตามภารกิจ การว่าจ้างนั้นดูตามผลของงานที่มีขอบเขตของระยะเวลาการส่งมอบ แล้วเพราะอะไรถึงต้องบังคับให้มาทำงานตามเวลาราชการ
ผู้ใช้บริการห้องสมุดจะใช้มากช่วงเย็นและสุดสัปดาห์ เวลาราชการมีเจ้าหน้าที่อยู่แล้ว ทำไมถึงให้ผู้รับจ้างเหมามาทำงานในเวลาที่ซ้อนกัน เจ้าหน้าที่ให้ผู้รับจ้างเหมาทำงานมากกว่าตนเอง แทนที่จะให้จ้างเหมาเข้าทำงานเวลา 12.00-20.00 น. จะได้มีคนสับเปลี่ยน ดีกว่าเอาเปรียบให้เจ้าหน้าที่เบิกเงินล่วงเวลา
3) เพราะอะไรถึงไม่ใช้เงินตัวอื่น เปลี่ยนการจ้างจากผู้รับจ้างเป็นลูกจ้างชั่วคราว ทำไมไม่คุ้มครองแรงงานของตัวเองให้ดีเพราะถือว่าทำงานให้หลวงโดยตรง
สิ้นปีงบประมาณมาจะต้องคิดหาโครงการมาใช้เงินส่วนที่เหลือ หลวงมีระเบียบว่าขอเงินมาแล้ว ให้มาแล้วต้องใช้ให้หมด ซึ่งก็รู้ว่ากี่โครงการทำจริง กี่โครงการจัดขึ้นเพื่อใช้ให้เงินหมดๆไป การศึกษาดูงานบางอย่างเป็นแค่โครงการในกระดาษเท่านั้น
4) ตีค่าคนเป็นวัสดุ มองค่าคนต่ำไป
ผมตอบว่า
1) ถ้าทำงานไป 2-3 เดือนแล้วราชการยังไม่จ่ายเงิน ไม่มีระเบียบราชการกำหนดให้ราชการจ่ายดอกเบี้ย จะมองว่าราชการเอาเปรียบก็อาจได้ กรณีนี้ผู้รับจ้างคงจะมีสิทธิฟ้องศาลปกครอง
( ในสัญญาไม่น่าจะกำหนดว่าจ่ายเงินในวันสิ้นเดือน เพราะวันสิ้นเดือนต้องตรวจรับการจ้างก่อนแล้วจึงทำเรื่องไปเบิกจ่ายเงิน )
2) ผู้รับจ้างถือเป็นบุคคลภายนอก รับจ้างผลิตผลงานตามภารกิจ ตามปกติไม่ได้บังคับให้มาทำงานตามเวลาราชการ แต่เนื่องจากบางตำแหน่งบางภารกิจเป็นการทำงาน/ให้บริการแก่ผู้รับบริการหรือต้องประสานงานกับผู้ร่วมงานหรือหน่วยงานต่างๆ ถ้าไปทำเวลาอื่นก็จะไม่ได้พบเจอกับผู้รับบริการและผู้เกี่ยวข้อง จึงอาจจะมีการตกลงกันได้ว่าภารกิจนั้นให้มาทำงานตามเวลาราชการ บางตำแหน่งเราอาจคิดเรื่องเวลาทำงานไม่ตรงกับผู้จ้าง ต้องตกลงกับผู้จ้างให้ได้
สามารถกำหนดให้ผู้รับจ้างเหมามาทำงานตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นได้ แม้แต่เป็นข้าราชการก็ให้ทำอย่างนี้ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ( ใช้แนวทางการทำงานให้ครบวันละ 7 ชั่วโมงไม่นับรวมเวลาพักทานอาหารมื้อหลักมื้อละ 1 ชั่วโมง ) แล้วแต่จะเห็นสมควรและตกลงกันในแต่ละแห่ง
( ข้าราชการที่ไม่ได้เริ่มทำงานตั้งแต่เช้า ถึงแม้จะทำงานถึงเย็นก็เบิกค่าทำงานนอกเวลาไม่ได้ ต้องทำงานเกิน 7 ชั่วโมงในวันปกติ/สัปดาห์ละ 5 วัน จึงจะเบิกค่าทำงานนอกเวลาได้ )
3) "ผู้รับจ้าง" ตามระเบียบพัสดุ ถือเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่ "ลูกจ้าง" ไม่ไช่แรงงาน จึงไม่ใช้กฎหมายแรงงาน ใช้กฎหมายแรงงานเป็นเพียงแนวทางการพิจารณาบางประการ ( ลักษณะเดียวกับการจ้างพิมพ์หนังสือเรียน หรือจ้างบริษัททำความสะอาด ผู้รับจ้างเขาไม่ได้เป็นลูกจ้างส่วนราชการ แต่เขามีลูกจ้างของเขา เขากับลูกจ้างเขาทำประกันสังคมกันเองไม่เกี่ยวกับส่วนราชการที่จ้าง เพียงแต่กรณีนี้จ้างบุคคล ไม่ใช่จ้างบริษัท )
เราไม่ได้รับอัตราลูกจ้างชั่วคราว ( อัตราลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานราชการ ต้องขอไปที่กรมบัญชีกลางและ กพร.) แต่บุคลากรของเราไม่พอ จึงต้องหาทางออกโดยนำงบดำเนินงาน ( งบดำเนินงาน เป็นงบค่าตอบแทนใช้สอยวัสดุ ไม่ใช่ค่าจ้างชั่วคราว ) มาจ้างตามระเบียบพัสดุ
เราอยากได้งบอื่นมาจ้าง ขออัตราพนักงานราชการตำแหน่งบรรณารักษ์ทุกรอบ 4 ปี แต่เขาไม่ให้อัตราค่าตอบแทนมาเพิ่ม คงจะใช้วิธีเอาอัตราค่าตอบแทนของพนักงานราชการตำแหน่งครูอาสาฯที่ลาออก-เกษียณ-ตาย-เลิกจ้าง เปลี่ยนเป็นพนักงานราชการตำแหน่งบรรณารักษ์และตำแหน่งอื่น
เรื่องการศึกษาดูงานที่ว่าบางอย่างเป็นแค่โครงการในกระดาษนั้น โครงการส่วนใหญ่ของหลายแห่งเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ เราไม่นำสิ่งที่ทำผิด/ทุจริตมาเป็นหลัก
4) เราพูดและคิดกันไปเองว่า "ตีค่าคนเป็นวัสดุ" เป็นการใช้วาทกรรมแบบนักการเมือง ผมรำคาญคำนี้มานาน ที่จริงการจ้าง "ตามระเบียบพัสดุ" หมายถึงการจ้างโดย "ตีค่าตามภารกิจ/ชิ้นงาน/ผลงาน" ไม่ใช่ผู้รับจ้างเป็นวัสดุ แต่ผู้รับจ้างเป็นผู้ผลิตผลงานตามภารกิจ ลักษณะเดียวกับการจ้างพิมพ์หนังสือเรียนก็เป็นการจ้างเหมาบริการเช่นกัน ผู้รับจ้างไม่ใช่วัสดุ แต่หนังสือเรียนเป็นผลงาน/ชิ้นงาน/วัสดุตามภารกิจ
6. เย็นวันที่ 30 ก.ย.58 มีผู้ถามผม ในเฟซบุ๊ค ทั้งในอินบ็อกซ์ และต่อท้ายโพสต์ในกลุ่มครูนอกระบบ ว่า ให้ทำสัญญาจ้างครู กศน.ทั้งปีหรือครึ่งปี
1) ถ้าทำงานไป 2-3 เดือนแล้วราชการยังไม่จ่ายเงิน ไม่มีระเบียบราชการกำหนดให้ราชการจ่ายดอกเบี้ย จะมองว่าราชการเอาเปรียบก็อาจได้ กรณีนี้ผู้รับจ้างคงจะมีสิทธิฟ้องศาลปกครอง
( ในสัญญาไม่น่าจะกำหนดว่าจ่ายเงินในวันสิ้นเดือน เพราะวันสิ้นเดือนต้องตรวจรับการจ้างก่อนแล้วจึงทำเรื่องไปเบิกจ่ายเงิน )
2) ผู้รับจ้างถือเป็นบุคคลภายนอก รับจ้างผลิตผลงานตามภารกิจ ตามปกติไม่ได้บังคับให้มาทำงานตามเวลาราชการ แต่เนื่องจากบางตำแหน่งบางภารกิจเป็นการทำงาน/ให้บริการแก่ผู้รับบริการหรือต้องประสานงานกับผู้ร่วมงานหรือหน่วยงานต่างๆ ถ้าไปทำเวลาอื่นก็จะไม่ได้พบเจอกับผู้รับบริการและผู้เกี่ยวข้อง จึงอาจจะมีการตกลงกันได้ว่าภารกิจนั้นให้มาทำงานตามเวลาราชการ บางตำแหน่งเราอาจคิดเรื่องเวลาทำงานไม่ตรงกับผู้จ้าง ต้องตกลงกับผู้จ้างให้ได้
สามารถกำหนดให้ผู้รับจ้างเหมามาทำงานตั้งแต่เที่ยงถึงเย็นได้ แม้แต่เป็นข้าราชการก็ให้ทำอย่างนี้ได้ตามความเหมาะสมและจำเป็น ( ใช้แนวทางการทำงานให้ครบวันละ 7 ชั่วโมงไม่นับรวมเวลาพักทานอาหารมื้อหลักมื้อละ 1 ชั่วโมง ) แล้วแต่จะเห็นสมควรและตกลงกันในแต่ละแห่ง
( ข้าราชการที่ไม่ได้เริ่มทำงานตั้งแต่เช้า ถึงแม้จะทำงานถึงเย็นก็เบิกค่าทำงานนอกเวลาไม่ได้ ต้องทำงานเกิน 7 ชั่วโมงในวันปกติ/สัปดาห์ละ 5 วัน จึงจะเบิกค่าทำงานนอกเวลาได้ )
3) "ผู้รับจ้าง" ตามระเบียบพัสดุ ถือเป็นบุคคลภายนอก ไม่ใช่ "ลูกจ้าง" ไม่ไช่แรงงาน จึงไม่ใช้กฎหมายแรงงาน ใช้กฎหมายแรงงานเป็นเพียงแนวทางการพิจารณาบางประการ ( ลักษณะเดียวกับการจ้างพิมพ์หนังสือเรียน หรือจ้างบริษัททำความสะอาด ผู้รับจ้างเขาไม่ได้เป็นลูกจ้างส่วนราชการ แต่เขามีลูกจ้างของเขา เขากับลูกจ้างเขาทำประกันสังคมกันเองไม่เกี่ยวกับส่วนราชการที่จ้าง เพียงแต่กรณีนี้จ้างบุคคล ไม่ใช่จ้างบริษัท )
เราไม่ได้รับอัตราลูกจ้างชั่วคราว ( อัตราลูกจ้างชั่วคราวและพนักงานราชการ ต้องขอไปที่กรมบัญชีกลางและ กพร.) แต่บุคลากรของเราไม่พอ จึงต้องหาทางออกโดยนำงบดำเนินงาน ( งบดำเนินงาน เป็นงบค่าตอบแทนใช้สอยวัสดุ ไม่ใช่ค่าจ้างชั่วคราว ) มาจ้างตามระเบียบพัสดุ
เราอยากได้งบอื่นมาจ้าง ขออัตราพนักงานราชการตำแหน่งบรรณารักษ์ทุกรอบ 4 ปี แต่เขาไม่ให้อัตราค่าตอบแทนมาเพิ่ม คงจะใช้วิธีเอาอัตราค่าตอบแทนของพนักงานราชการตำแหน่งครูอาสาฯที่ลาออก-เกษียณ-ตาย-เลิกจ้าง เปลี่ยนเป็นพนักงานราชการตำแหน่งบรรณารักษ์และตำแหน่งอื่น
เรื่องการศึกษาดูงานที่ว่าบางอย่างเป็นแค่โครงการในกระดาษนั้น โครงการส่วนใหญ่ของหลายแห่งเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ เราไม่นำสิ่งที่ทำผิด/ทุจริตมาเป็นหลัก
4) เราพูดและคิดกันไปเองว่า "ตีค่าคนเป็นวัสดุ" เป็นการใช้วาทกรรมแบบนักการเมือง ผมรำคาญคำนี้มานาน ที่จริงการจ้าง "ตามระเบียบพัสดุ" หมายถึงการจ้างโดย "ตีค่าตามภารกิจ/ชิ้นงาน/ผลงาน" ไม่ใช่ผู้รับจ้างเป็นวัสดุ แต่ผู้รับจ้างเป็นผู้ผลิตผลงานตามภารกิจ ลักษณะเดียวกับการจ้างพิมพ์หนังสือเรียนก็เป็นการจ้างเหมาบริการเช่นกัน ผู้รับจ้างไม่ใช่วัสดุ แต่หนังสือเรียนเป็นผลงาน/ชิ้นงาน/วัสดุตามภารกิจ
6. เย็นวันที่ 30 ก.ย.58 มีผู้ถามผม ในเฟซบุ๊ค ทั้งในอินบ็อกซ์ และต่อท้ายโพสต์ในกลุ่มครูนอกระบบ ว่า ให้ทำสัญญาจ้างครู กศน.ทั้งปีหรือครึ่งปี
เรื่องนี้ ทำได้ทั้ง 2 แบบ
อยู่ในดุลยพินิจของแต่ละจังหวัด ( การจ้างครูทั้ง 4 ประเภทนี้
เป็นบทบาทหน้าที่ของจังหวัด ไม่ใช่อำเภอ )
- บางจังหวัดทำสัญญาจ้างครั้งละครึ่งปี
เพราะ
1) ส่วนกลางจัดสรรงบประมาณให้ครั้งละครึ่งปี จึงต้องทำสัญญาจ้างตามที่ได้รับงบประมาณ
2) กศน.มีหลักเกณฑ์กำหนดจำนวน นศ.ของครูแต่ละคนต้องครบตามเกณฑ์ จึงจะได้เงินเดือนเต็มตามวุฒิ ป.ตรี 15,000 บาท ซึ่งไม่แน่ว่าภาคเรียนต่อไปครูคนนั้นจะมีนักศึกษาครบหรือไม่ จึงทำสัญญาจ้างเพียงครึ่งปีก่อน
( การจ้างเพียงครึ่งปี จะมีช่วงต่อระหว่างสิ้นสุดสัญญาเก่าและยังทำสัญญาใหม่ไม่เสร็จ ช่วงนี้จะสมัครเรียน ป.บัณฑิตไม่ได้ และถ้าจะขอหนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกับคุรุสภา ต้องขอก่อนสิ้นสุดสัญญาไม่น้อยกว่า 4 เดือน )
1) ส่วนกลางจัดสรรงบประมาณให้ครั้งละครึ่งปี จึงต้องทำสัญญาจ้างตามที่ได้รับงบประมาณ
2) กศน.มีหลักเกณฑ์กำหนดจำนวน นศ.ของครูแต่ละคนต้องครบตามเกณฑ์ จึงจะได้เงินเดือนเต็มตามวุฒิ ป.ตรี 15,000 บาท ซึ่งไม่แน่ว่าภาคเรียนต่อไปครูคนนั้นจะมีนักศึกษาครบหรือไม่ จึงทำสัญญาจ้างเพียงครึ่งปีก่อน
( การจ้างเพียงครึ่งปี จะมีช่วงต่อระหว่างสิ้นสุดสัญญาเก่าและยังทำสัญญาใหม่ไม่เสร็จ ช่วงนี้จะสมัครเรียน ป.บัณฑิตไม่ได้ และถ้าจะขอหนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพกับคุรุสภา ต้องขอก่อนสิ้นสุดสัญญาไม่น้อยกว่า 4 เดือน )
- บางจังหวัดทำสัญญาจ้างครั้งเดียวทั้งปี
เพราะ
1) การทำสัญญแต่ละครั้งเสียเวลาทั้งสองฝ่าย จึงทำครั้งเดียวให้เสร็จไปเลย
2) การทำสัญญาครั้งเดียวทั้งปี ครูจะได้รับขวัญกำลังใจมากกว่าการทำสัญญาเพียงครึ่งปี ซึ่งจะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน
3) สามารถแก้ปัญหาเรื่องการจัดสรรงบประมาณ และจำนวน นศ.ที่ไม่แน่นอน ได้โดย ระบุเงื่อนไขรายละอียดเพิ่มในสัญญา เช่น เพิ่มรายละเอียดในเรื่องค่าตอบแทน ว่า “ถ้าภาคเรียนใด มีจำนวนนักศึกษาครบตามเกณฑ์ที่กำหนด อัตราค่าตอบแทนเป็นเดือนละ 15,000 บาท ถ้าภาคเรียนใด มีจำนวนนักศึกษาไม่ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด อัตราค่าตอบแทนเป็นตามจำนวนนักศึกษา คนละ .. .. .. บาทต่อเดือน” เป็นต้น
1) การทำสัญญแต่ละครั้งเสียเวลาทั้งสองฝ่าย จึงทำครั้งเดียวให้เสร็จไปเลย
2) การทำสัญญาครั้งเดียวทั้งปี ครูจะได้รับขวัญกำลังใจมากกว่าการทำสัญญาเพียงครึ่งปี ซึ่งจะส่งผลต่อการปฏิบัติงาน
3) สามารถแก้ปัญหาเรื่องการจัดสรรงบประมาณ และจำนวน นศ.ที่ไม่แน่นอน ได้โดย ระบุเงื่อนไขรายละอียดเพิ่มในสัญญา เช่น เพิ่มรายละเอียดในเรื่องค่าตอบแทน ว่า “ถ้าภาคเรียนใด มีจำนวนนักศึกษาครบตามเกณฑ์ที่กำหนด อัตราค่าตอบแทนเป็นเดือนละ 15,000 บาท ถ้าภาคเรียนใด มีจำนวนนักศึกษาไม่ครบตามเกณฑ์ที่กำหนด อัตราค่าตอบแทนเป็นตามจำนวนนักศึกษา คนละ .. .. .. บาทต่อเดือน” เป็นต้น
ผมเคยเขียนเรื่องนี้ในข้อ
1 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2014/12/nfe-mis.html
teacherPJGb.jpg
7. วันที่ 5 ต.ค.58 Pornprasit
Tae-mai ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า การทำลายแบบทดสอบ
ใช้ระเบียบการทำลายหรือแนวทางอย่างไร
ผมตอบว่า ทำลายตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยงานสารบรรณ
( อ่านในข้อ 10 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/531213 )
ที่ถูกต้อง ถ้าจังหวัดจะให้อำเภอทำลาย ต้องให้อำเภอส่งรายชื่อบุคลากรอำเภอไปให้จังหวัดเป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งเป็นกรรมการทำลายฯ
( อ่านในข้อ 10 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/531213 )
ที่ถูกต้อง ถ้าจังหวัดจะให้อำเภอทำลาย ต้องให้อำเภอส่งรายชื่อบุคลากรอำเภอไปให้จังหวัดเป็นผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งเป็นกรรมการทำลายฯ