วันเสาร์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2559

1.จะเปลี่ยนการจ้างครูผู้สอนคนพิการ เป็นครู ศรช.จริงหรือ, 2.คุณสมบัติในการสมัคร "ข้าราชการครู" กับ "พนักงานราชการครู", 3.กศน.อำเภอ เก็บเงินบำรุงสถานศึกษา-ทำไมไม่จัดสรรให้สอนเสริม, 4.ผู้รักษาการฯ ลงนามในใบ รบ.ได้ไหม, 5.จะไปอบรมที่หน่วยงานอื่นจัด ต้องขออนุมัติสำนักงาน กศน.ก่อน, 6.ครูประจำกลุ่มเบิกค่าตอบแทน 2 กลุ่ม ได้หรือไม่, 7.วิชาชีพระยะสั้น สอนได้วันละกี่ชั่วโมง



สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้  7  เรื่อง ดังนี้

         1. วันที่ 15 ธ.ค.59 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า  ปัญหาคาใจ ได้รับทราบมาว่า ในภาคเรียนหน้าคือ 1/60 ครูผู้สอนคนพิการ จะได้ย้ายไปเป็นตำแหน่งครู ศรช. ทั้งหมด นั้น เป็นเรื่องจริงใช่หรือไม่ และยังให้จัดการศึกษาทั้งกลุ่มเป้าหมายเดิม ร่วมกับนักศึกษาใหม่ที่ต้องหาเพิ่มอีก 40 คน เดิมมีนักศึกษาพิการ 20 คน ต่อครูผู้สอน 1 คน คำถามคือ ทาง กศน. มีวัตถุประสงค์เพื่ออะไร และ ค่ายานพาหนะ 1000 บาท/เดือนยังคงจะได้อยู่หรือไม่ ผลกระทบมีมากอยู่นะ ผู้น้อยขวัญเสียกันใหญ่เลย

             เรื่องนี้  กลุ่มแผนงาน กศน.บอกว่า แล้วแต่ แต่ละจังหวัดจะบริหารจัดการ จะจ้างครูผู้สอนคนพิการตามเดิมก็ได้ หรือจะเปลี่ยนเป็นครู ศรช.ก็ได้  ถ้าเปลี่ยนเป็นครู ศรช. ก็ต้องมีจำนวน นศ.รวมตามเกณฑ์ครู ศรช. และไม่มีค่าพาหนะ
              ( เงินอุดหนุนรายหัว ทั้ง นศ.ปกติ และ นศ.พิการที่เรียน กศ.ขั้นพื้นฐาน ได้เท่ากัน แต่ต้องแบ่งไปเป็นค่าใช้จ่ายของครูผู้สอนคนพิการมากกว่า อาจทำให้อำเภอ/จังหวัดที่มีครูผู้สอนคนพิการมาก ขาดแคลนงบเงินอุดหนุน และเปลี่ยนการจ้างครูผู้สอนคนพิการให้เป็น ครู ศรช.)

         2. คุณสมบัติในการสมัคร "ข้าราชการครู" กับ "พนักงานราชการครู"
             คำว่า ปริญญาทางการศึกษา” ( ที่ภาษาพูดว่า วุฒิครู” ) นั้น ไม่ได้มีแค่ 3 วุฒิ แต่มีมาก คือ
             1)  การศึกษา
             2)  ครุศาสตร์
             3)  ศึกษาศาสตร์
             4)  ครุศาสตร์อุตสาหกรรม
             5)  ศิลปศาสตร์ ( ศึกษาศาสตร์ หรือ ศึกษาศาสตร์การสอน )
             6)  วิทยาศาสตร์ ( ศึกษาศาสตร์ หรือ ศึกษาศาสตร์การสอน หรือ การสอน )
             7)  คหกรรมศาสตร์ วิชาเอกคหกรรมศาสตร์ศึกษา
             8)  เกษตรศาสตร์ วิชาเอกเกษตรศึกษา
             9)  บริหารธุรกิจ วิชาเอกธุรกิจศึกษา
             ถ้าเป็นการสมัคร ข้าราชการครูไม่ว่าจะเป็น สพฐ. หรือ กศน. จะได้หมดทั้ง 1-9 นี้
แต่ถ้าเป็น พนักงานราชการครู กศน.จะระบุเฉพาะข้อ 1-3 ส่วนข้อ 4-9 ไม่ระบุ

             การสมัครสอบเป็น ข้าราชการครูทั้ง สพฐ. และ กศน. ถ้าไม่พูดถึงคุณสมบัติทั่วไปและวิชาเอก ก็จะเหลือคุณสมบัติที่สำคัญ 2 ข้อ ( ต้องมีทั้ง 2 ข้อ ) คือ
             1)  มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือทางอื่นที่ กคศ.กำหนด และ
             2)  มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู หรือใบอนุญาตปฏิบัติการสอน
             ส่วนคุณสมบัติด้านนี้ในการสมัครสอบ พนักงานราชการครู กศน.จะไม่กำหนดคุณสมบัติข้อ 2 มีเพียงข้อ 1 คือ
             1)  มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา เฉพาะ 3 วุฒิ คือ ศึกษาศาสตร์ การศึกษา ครุศาสตร์ ถ้าเป็นคนในสังกัด กศน.เพิ่มอีก 1 วุฒิ คือ ป.บัณฑิต
              ( ป.บัณฑิตวิชาชีพครู เป็น "วุฒิ" ทางการศึกษา ที่สูงกว่า ป.ตรี แต่ต่ำกว่า ป.โท
                ส่วน "ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู" ไม่ใช่ วุฒิ จึงไม่ได้ระบุไว้ )

         3. วันอาทิตย์ที่ 18 ธ.ค.59 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า
             ทำไม กศน.อำเภอไม่จัดสรรงบประมาณให้เด็กในกลุ่มครู ศรช.เรียนเสริม
             อีกหนึ่งประเด็น คือทาง กศน.อำเภอ เรียกเก็บเงินค่าเทอมจากนักศึกษา หัวละ 120 บาท ผิดระเบียบมั้ย มีการออกใบเสร็จให้ แต่ได้นำเรื่องเก็บเงินไปขอมติที่ประชุมกรรมการสถานศึกษา และมติเห็นชอบให้เก็บได้ แต่ยังเป็นที่แคลงใจของคณะครูว่า ผอ.เก็บเงินส่วนนี้ผิดระเบียบ และเอาเงินไปทำอะไร

             ผมตอบว่า
             เรื่องงบสอนเสริม กศน.อำเภอสามารถบริหารจัดการตามความเหมาะสมของบริบทแต่ละอำเภอ
              ( งบสอนเสริมก็รวมอยู่ในงบเงินอุดหนุนที่จัดสรรให้ทุกอำเภอนั่นแหละ แล้วแต่อำเภอจะบริหารจัดการงบเงินอุดหนุน  อาจใช้งบพัฒนาคุณภาพผู้เรียนมาทำโครงการคล้ายการสอนเสริมก็ได้ )
             ส่วนเรื่องการเก็บเงินจากนักศึกษานั้น ผิด
             การใช้ใบเสร็จรับเงินในราชการ กศน. เป็นหลักฐานการรับเงิน จะต้องนำเงินเข้าระบบบัญชีของ กศน.อำเภอ ถ้านำเงินเก็บรักษาถูกต้องตามระบบและดำเนินการเบิกจ่ายถูกต้องตามระเบียบ ก็ถือว่าไม่ได้ทุจริต แต่ก็ยังผิด เพราะสถานศึกษาและกรรมการสถานศึกษาไม่มีสิทธิ์ไม่มีอำนาจลงมติเก็บเงินในรายการที่ไม่มีระเบียบรองรับ  ถ้าเป็นการบริจาค จะกำหนดให้บริจาคทุกคนไม่ได้ การจะบริจาคหรือไม่และจำนวนเงินต้องเป็นไปตามความสมัครใจของแต่ละคน

         4. วันที่ 19 ธ.ค.59 รัตติกาล บุญแข็ง ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า  ในการลงนามระเบียนแสดงผลการเรียนของนักศึกษาที่จบการศึกษา กรณีที่ผู้บริหารอำเภอไปราชการ ผู้รักษาการสามารถลงนามได้ไหม หรือต้องรอให้ ผอ. เป็นผู้ลงนามเพียงคนเดียว
             ( ผมเคยโพสต์เรื่องนี้แล้ว 2 ครั้งแล้ว )

             ผมตอบว่า   มีบางคนบอกว่า ผู้รักษาการในตำแหน่ง ไม่สามารถลงนามในบางเรื่อง เช่น ลงนามในใบ รบ.  ที่จริงเป็นความเข้าใจผิด ที่ถูกคือผู้รักษาการในตำแหน่ง มีอำนาจและหน้าที่ตามตำแหน่งที่รักษาการนั้นเพียงแต่ถ้าเป็นเรื่องสำคัญ และไม่เร่งด่วน คอยได้ ผู้รักษาการในตำแหน่ง ก็อาจจะรอให้ผู้ดำรงตำแหน่งตัวจริงกลับมาตรวจสอบและลงนามเองก็ได้ การรอให้ผู้ดำรงตำแหน่งตัวจริงมาลงนามในเรื่องสำคัญนี้เป็นเพียง "มารยาท" ไม่มีในระเบียบกฎหมาย

         5. วันที่ 20 ธ.ค.59 มีผู้บริหารถามผมเรื่องการอนุญาตให้บุคลากรไปเข้ารับการฝึกอบรมที่หน่วยงานอื่น นอกสังกัด กศน. เป็นผู้จัดฝึกอบรม

             เรื่องนี้  ตามหนังสือสำนักงาน กศน.ที่ ศธ 0210.118/272 ลงวันที่ 26 ม.ค.54 กำหนดแนวปฏิบัติเรื่องการให้บุคลากรในสังกัดสำนักงาน กศน.ไปเข้ารับการฝึกอบรม กรณีส่วนราชการหรือหน่วยงานอื่นเป็นผู้จัดการฝึกอบรมตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้ในการฝึกอบรม การจัดงาน และการประชุมระหว่างประเทศ  โดยจังหวัดต้องขออนุมัติการส่งบุคลากรไปเข้ารับการฝึกอบรมต่อสำนักงาน กศน. ก่อน จึงจะอนุมัติให้บุคลากรผู้นั้นไปเข้ารับการฝึกอบรมได้ ( ถ้าหลักสูตรนั้นสำนักงาน กศน.ยังไม่เคยเห็นชอบ ) และการพิจารณาอนุมัติต้องคำนึงถึงเหตุผลความจำเป็น ยึดประโยชน์ของทางราชการและงบประมาณที่ใช้ สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของบุคลากร และเมื่อฝึกอบรมเสร็จบุคลากรผู้นั้นต้องทำรายงานเสนอภายใน 60 วัน
             ( ถาม กจ.กศน.เมื่อ 21 ธ.ค.59 กจ.บอกว่าหนังสือฉบับนี้ยังมีผลบังคับใช้ )




 
         6. วันที่ 22 ธ.ค.59 San Sriprapun ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  ครูประจำกลุ่มสามารถเบิกค่าตอบแทน 2 กลุ่ม ได้หรือไม่

             ผมตอบว่า   การจ้างครูประจำกลุ่ม ( ยกเว้นครูประจำกลุ่มที่เป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ )  ปัจจุบันไม่ได้ให้เบิกค่าตอบแทนเป็นกลุ่มหรือเป็นรายหัว แต่ให้เปลี่ยนเป็นการจ้างเหมาบริการ โดยมี "ขอบเขตงานจ้าง" ให้รับผิดชอบผู้เรียนไม่เกิน 50 คน อัตราค่าจ้าง 19,200 บาท/ภาคเรียน  ฉะนั้น ให้รับผิดชอบผู้เรียนกลุ่มละไม่เกิน 40 คน ไม่เกิน 2 กลุ่ม รวมไม่เกิน 50 คน
             ดูที่  https://dl.dropboxusercontent.com/u/109014048/PDF/teacherJang.pdf


         7. คืนวันที่ 26 ธ.ค.59 BenGy-Sirirat Chaywattana  ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า  จะปรับแผนดำเนินกิจกรรม มีข้อสงสัย การศึกษาต่อเนื่อง กลุ่มสนใจระยะสั้น วิชาชีพระยะสั้นไม่เกิน 30 ชั่วโมง  ใน 1 วัน วิทยากรสามารถสอนได้ไม่เกินกี่ชั่วโมง

             ผมตอบว่า   กลุ่มสนใจ วันละไม่เกิน 3 ชั่วโมง ผมโพสต์เรื่องนี้ 3 ครั้งแล้ว
            
( ผมไม่แน่ใจกับความหมายของคำว่า กลุ่มสนใจระยะสั้น และวิชาชีพระยะสั้นไม่เกิน 30 ชั่วโมง ของคุณ )
             การจัดการศึกษาต่อเนื่อง นั้น ประกอบด้วย
            
- การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาอาชีพ
            
- การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะชีวิต
            
- การจัดการศึกษาเพื่อพัฒนาสังคมและชุมชน
             ให้ดำเนินการจัดการศึกษาต่อเนื่องโดยจัดเป็นหลักสูตรระยะสั้นใน
2 รูปแบบ ได้แก่


             รูปแบบที่ 1  ชั้นเรียนวิชาชีพระยะสั้น  ผู้เรียนต้องลงทะเบียนเป็นนักศึกษา กศน. ใช้วิทยากรในการสอน สามารถเบิกจ่ายค่าตอบแทนกับค่าวัสดุเท่านั้น จัดได้ 2 แบบ คือ
                        1.1  แบบกลุ่มสนใจ  เป็นการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรละไม่เกิน 30 ชั่วโมง วันละไม่เกิน 3 ชั่วโมง
                        
1.2  แบบชั้นเรียนวิชาชีพระยะสั้น  เป็นการจัดการเรียนการสอนหลักสูตรละ 31 ชั่วโมงขึ้นไป  ส่วนกลางไม่กำหนดจำนวนชั่วโมงต่อวัน ผู้บริหารระดับจังหวัด/อำเภอสามารถกำหนดได้

             รูปแบบที่ อบรมประชาชน  เป็นหลักสูตรระยะสั้นที่ใช้กระบวนการฝึกอบรมให้กับประชาชน ไม่ต้องลงทะเบียนเป็นนักศึกษา กศน. สามารถเบิกจ่ายค่าตอบแทน ค่าวัสดุ ค่าอาหารว่าง และอาหารกลางวันได้


วันศุกร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2559

1.ปัญหาระหว่างครูอาสาฯกับครู กศน.ตำบล เรื่องผู้ไม่รู้หนังสือ, 2.มาสายกี่ครั้ง-ลงโทษอย่างไร, 3.คะแนนประเมินพนักงานราชการเป็นความลับไหม, 4.กลุ่มสนใจวันละไม่เกิน 3 ชม., 5.ผอ.ย้ายตามคำร้องขอ จะเบิกค่าเช่าซื้อบ้านต่อได้ไหม,.6.ทำความเข้าใจเรื่องการย้ายของผู้บริหาร, 7.การขอหนังสืออนุญาตประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาต



สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้  7  เรื่อง ดังนี้

         1. เช้าวันที่ 1 ธ.ค.59 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า  ครู กศน.ตำบล  มีหน้าที่เกี่ยวกับผู่ไม่รู้หนังสือมั้ย เห็นเขาว่าไม่เกี่ยวข้อง  ซึ่งความจริงแล้ว ครูอาสาจะสอนได้ต้องมาจากการสำรวจข้อมูลผู้ไม่รู้หนังสือจากตำบลใช่มั้ย ครูอาสายังลงพื้นที่ได้เหมือนเดิมมั้ย

             ผมตอบว่า   ตามบทบาทหน้าที่ครูอาสาฯที่กำหนดไว้กับ ก.พ.ร.นั้น ครูอาสาฯต้องสอนผู้ไม่รู้หนังสือ 35 คน ( ปีละ 2 รอบการประเมิน รวมปีละ 70 คน ) แต่ก็ไม่ได้แปลว่าครูอาสาฯจะผูกขาดห้ามคนอื่นเกี่ยวข้องกับผู้ไม่รู้หนังสือ ( ท่านเลขาฯคนเก่า ให้ครู กศน.ทุกคนแบ่งกันสอนผู้ไม่รู้หนังสือ ) ฉะนั้น จึงอยู่ที่บริบทและการบริหารจัดการของสถานศึกษาแต่ละแห่ง

             ตามบทบาทหน้าที่ครูอาสาฯ "ต้อง" ลงพื้นที่นะ เฉพาะการสอนผู้ไม่รู้หนังสืออย่างเดียวก็ต้องลงพื้นที่แล้ว ถ้าไม่มีผู้ไม่รู้หนังสือครูอาสาฯก็ต้องสอน กศ.ขั้นพื้นฐานภาคเรียนละ 60 คน ครูอาสาฯบางคนก็เป็นหัวหน้า กศน.ตำบล ถ้าครูอาสาฯดูแล 4 ตำบล จะให้ครูอาสาฯสำรวจผู้ไม่รู้หนังสือเองทั้งใน 4 ตำบล หรือจะให้ครู กศน.ตำบลสำรวจ หรือช่วยกันสำรวจ ก็อยู่ที่การบริหารจัดการของแต่ละอำเภอ ( แต่ กศน.ตำบลต้องมีข้อมูลจุลภาค ซึ่งรวมข้อมูลผู้ไม่รู้หนังสือในตำบลนั้น )
             การลงโปรแกรม ใครเป็นผู้สอนหรือดูแลรับผิดชอบผู้ไม่รู้หนังสือก็ให้ครูคนนั้นเป็นผู้ลงเป็นผลงาน ส่วนครูที่สำรวจผู้ไม่รู้หนังสือแต่ไม่ได้สอนหรือรับผิดชอบก็ไม่ต้องลงในความรับผิดชอบของตน  กรณีครูอาสาฯดูแลมากกว่า 1 ตำบล ให้นำงานของครูอาสาฯมาลงโปรแกรมเป็นบุคลากรของในระดับอำเภอ เช่นเดียวกับ ขรก.ครู  โดยไม่ต้องไปลงในระดับตำบลเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อน

         2. วันเสาร์ที่ 3 ธ.ค.59 ผมตอบคำถาม ฟ้าส่งมา ฟ้าส่งมา ที่ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊คว่า
             1)  กรณีครู กศน.ตำบล ลาคลอดลูก 90 วัน ใครมีอำนาจอนุญาต
             2)  ระเบียบการมาสายของข้าราชการ ลูกจ้างประจำ และ พรก. มีมั้ย สายกี่ครั้ง/ลงโทษอย่างไร
             3)  ระเบียบการลาต่างๆ ของลูกจ้างประจำใช้แบบเดียวกันกับข้าราชการทั้งหมดเลยมั้ย

             ผมตอบว่า   กรณีพนักงานราชการลาคลอดใครอนุญาต - กรณีระเบียบการลาของข้าราชการ/ลูกจ้างประจำ/พนักงานราชการ/ลูกจ้างชั่วคราว ใช้คนละฉบับ - และกรณีมาสายเกิน 18 ครั้ง ไม่มีสิทธิเลื่อนขั้น/เลื่อนค่าตอบแทน เหล่านี้ ผมเคยโพสต์ 3 ครั้งแล้ว ครั้งนี้จะขอไม่ตอบซ้ำ ๆ ซาก ๆ อีก

             ส่วนประเด็นมาสายกี่ครั้งลงโทษอย่างไร นอกเหนือจากไม่ได้เลื่อนขั้น/เลื่อนค่าตอบแทนถ้ามาสายเกิน 18 ครั้ง นั้น ถ้าหมายถึงการลงโทษทางวินัย การมาสายเฉย ๆ ยังไม่ถึงกับผิดวินัย ต้องประกอบกับอื่น ๆ ด้วย เช่น มาสายเป็นประจำโดยเคยตักเตือนหรือทำทัณฑ์บนเป็นหนังสือไว้แล้ว แต่ก็ไม่ปฏิบัติตนให้ดีขึ้น หรือมาสายแล้วเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายเช่นทำงานไม่ทัน ก็จะผิดวินัยฐานไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เกิดผลดีหรือความก้าวหน้าแก่ราชการด้วยความตั้งใจอุตสาหะและเอาใจใส่  สำหรับการลงโทษ ก็ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของพฤติกรรมและความเสียหายที่เกิดขึ้น

         3. คืนวันที่ 6 ธ.ค.59 Suphawan PHolyiam ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ค ว่า  ในการประเมินพนักงานราชการ คะแนนที่เราได้เป็นความลับไหม เราสามารถขอดูคะแนนที่เราได้ ได้ไหม

             ผมตอบว่า   ไม่เป็นความลับ แต่ต้องเปิดเผย โดย
             1)  ในแบบประเมินผลการปฏิบัติงานพนักงานราชการทั่วไป พนักงานราชการต้องลงลายมือชื่อรับทราบผลการประเมิน ซึ่งระบุคะแนนและระดับผลการประเมิน
                  ทั้งนี้ ค.พ.ร. กำหนดหลักการประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานราชการว่า "มีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นธรรม" จะให้ลงชื่อรับทราบโดยปิดบังไม่ให้เห็นระดับผลการประเมินไม่ได้
             2)  บัญชีรายละเอียดแนบท้ายคำสั่งเลื่อนค่าตอบแทน ก็ระบุคะแนนของแต่ละราย ซึ่งต้องให้พนักงานราชการรับทราบคำสั่ง
              ( ประเด็นนี้ เคยตอบแล้ว เช่นในข้อ 7 ที่  http://nfeph.blogspot.com/2015/02/15y.html )

         4. วันที่ 7 ธ.ค.59 แดง พัฒนสิน กศน.พิชัย ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  การศึกษาต่อเนื่อง รูปแบบกลุ่มสนใจและแบบชั้นเรียนวิชาชีพ สอนเกินวันละ 3 ชั่วโมงได้หรือเปล่า อ่านไม่พบข้อห้าม เกรงจะเบิกค่าวิทยากรผิดพลาด

             ผมตอบว่า   กลุ่มสนใจวันละไม่เกิน 3 ชั่วโมง  เป็นข้อสั่งการ-นโยบาย  ดูในข้อสั่งการฯโดยเลขาฯ ข้อ 13.1 (1) ที่
             -  https://www.dropbox.com/s/96bdpkol63o6vvl/briefPolicy60.pdf?dl=1
             https://www.facebook.com/photo.php?fbid=10205884682956615

         5. เย็นวันที่ 8 ธ.ค.59 ผอ.กศน.อ. ถามต่อท้ายโพสต์ผมในเฟซบุ๊ค ว่า  หากเช่าซื้อในอำเภอ ก แต่จะขอย้ายไปอำเภอ ข ในต่างจังหวัด แล้วที่เบิกเช่าซื้อไว้จะเบิกในอำเภอ ก ได้ไหม

             ผมตอบว่า   ไม่ได้  ถ้าย้ายไปท้องที่ใหม่ที่ไม่ใช่ท้องที่เดิมที่เคยเบิกค่าเช่าซื้อบ้าน จะเบิกค่าเช่าซื้อบ้านต่อได้เฉพาะกรณีท้องที่ใหม่ก็มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน แต่การย้ายตามคำร้องขอของตนเองนี้ท้องที่ใหม่ไม่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน จึงไม่สามารถเบิกค่าเช่าซื้อบ้านต่อได้

         6. วันที่ 9 ธ.ค.59 ผมได้รับแจ้งทางโทรศัพท์จากผู้ใหญ่ในส่วนกลาง ให้โพสต์ทำความเข้าใจเรื่องการย้าย ดังนี้

             1)  การขอย้ายตามความประสงค์/ความจำนง ของ ขรก.ครู และผู้บริหารสถานศึกษา จะเบิกค่าเช่าบ้านไม่ได้  เป็นไปตาม ว 8 หลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา  ( ดูหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ ศธ 0206.3/8 ลงวันที่ 5 ก.ค.49 นี้ได้ที่ https://db.tt/8IFK2giK )
             2)  ส่วนการย้าย ผอ.กศน.จังหวัด/กทม. ไม่ใช่สถานศึกษา ไม่ได้ใช้ ว 8 และมีจำนวนน้อย ส่วนกลางจะพิจารณาให้ย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการ โดยไม่ต้องแสดงความประสงค์/ความจำนงขอย้าย
             3)  การพิจารณาย้าย ผอ. ต้องดูขนาดสถานศึกษาด้วย
             4)  ถ้าจะยื่นขอให้ส่วนกลางพิจารณาย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการ ต้องมีรายละเอียดประกอบให้เข้าเกณฑ์การย้ายเพื่อประโยชน์ของทางราชการ

         7. วันที่ 15 ธ.ค.59 ฝน ธีรกานต์ ถามในเฟซบุ๊กกลุ่มครูนอกระบบ ว่า  การขอให้ประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ต้องทำยังไงบ้าง และใช้หลักฐานการยื่นอะไรบ้าง

             มีผู้ช่วยกันตอบ  โดยผมร่วมตอบ ว่า
             หนังสืออนุญาตให้ประกอบวิชาชีพโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ นี้ สถานศึกษาเป็นผู้ขอ ( ผอ.ลงนามในหนังสือราชการถึงคุรุสภา )  ขอในกรณีที่มีความจำเป็นต้องจ้างคนที่ไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู มาเป็นครูสอน กศ.ขั้นพื้นฐาน   หนังสืออนุญาตนี้ใช้สมัครเรียน ป.บัณฑิตได้ แต่ใช้สมัครสอบครูผู้ช่วยไม่ได้  ถ้าหนังสืออนุญาตนี้หมดอายุหรือย้ายสถานศึกษา ก็ต้องขออีกเป็นครั้งที่สอง - สาม ( ขอได้สามครั้งรวมไม่เกิน 6 ปีเท่านั้น ต้องรีบเรียน ป.บัณฑิต หรืออบรม ให้ผ่านก่อนหนังสือจะหมดอายุครั้งที่สาม )
             - ดูแนวปฏิบัติการขอหนังสืออนุญาต ที่  https://dl.dropboxusercontent.com/u/109014048/PDF/teacherOKcri.pdf 
             - ดาวน์โหลดแบบขออนุญาตฯ (คส.09.10) และตัวอย่างหนังสือนำส่งจากสถานศึกษา ที่  http://www.pattani2.go.th/activity/detail_download.php?aid=31
             - ดูตัวอย่างตารางสอน ตอนท้ายข้อ 8 ที่  https://www.gotoknow.org/posts/507502 
              ( สถานศึกษาต้องส่งเรื่องถึงคุรุสภาก่อนสิ้นสุดสัญญาจ้างไม่น้อยกว่า 4 เดือน  ครูจ้างเหมาบริการก็ต้องขอ )