สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 7 เรื่อง ดังนี้
1. ขรก.ครู สายงานการสอน ต้องรู้... ( การพัฒนาก่อนแต่งตั้งให้มี/เลื่อน เป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ/เชี่ยวชาญ )
1. ขรก.ครู สายงานการสอน ต้องรู้... ( การพัฒนาก่อนแต่งตั้งให้มี/เลื่อน เป็นวิทยฐานะชำนาญการพิเศษ/เชี่ยวชาญ )
สำนักงาน กศน.
ได้ส่งหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ. ว 20-22/60 เรื่องเกี่ยวกับวิทยฐานะ มาให้ทุกจังหวัด
( ดูได้ที่ https://www.dropbox.com/s/9omswp328v3rckr/V20-22_60.pdf?dl=1 )
โดยหนังสือ ว 22/60 เป็นเรื่องการพัฒนา ขรก.ครูสายงานการสอน
โดยหนังสือ ว 22/60 เป็นเรื่องการพัฒนา ขรก.ครูสายงานการสอน
แม้ครูเก่าจะยังเสนอขอวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์เก่าได้
ซึ่งไม่ว่าจะทำวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์เก่า ( ว17/52 ) หรือหลักเกณฑ์ใหม่ ( ว21/60 )
ทุกคนก็ต้องผ่านการพัฒนาก่อนแต่งตั้ง โดย
ที่ผ่านมาก่อนมีหลักเกณฑ์ใหม่ กศน.เคยจัดการอบรมพัฒนาก่อนแต่งตั้งตาม ว3/54
ให้ประมาณปีละครั้ง แต่.. ปีนี้ กศน.จะไม่จัดอบรมพัฒนาแบบเดิมให้
ขรก.ครูสายงานการสอน ปีต่อไปก็ยังไม่แน่ว่าจะจัดหรือไม่ แต่ครูเข้าอบรมพัฒนาที่หน่วยงานอื่นจัดได้
และแม้ครูเก่าจะเสนอขอวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์เดิม ก็อบรมพัฒนาตาม ว 22/60 ได้
และแม้ครูเก่าจะเสนอขอวิทยฐานะตามหลักเกณฑ์เดิม ก็อบรมพัฒนาตาม ว 22/60 ได้
ข้อกำหนดการพัฒนาตาม ว 22/60 เช่น
- ต้องเข้ารับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยให้ประเมินตนเองตามแบบที่ ก.ค.ศ.กำหนด พร้อมทั้งจัดทำแผนการพัฒนาตนเองเป็นรายปีตามแบบที่ส่วนราชการต้นสังกัดกำหนด
- พัฒนาตามหลักสูตรที่สถาบันคุรุพัฒนารับรอง แต่ละปีจำนวน 12-20 ชม. โดยภายใน 5 ปีต้องพัฒนา 100 ชม. ( ถ้ามีปีที่พัฒนาไม่ครบ 20 ชม. แต่ไม่น้อยกว่า 12 ชม. ให้นำ ชม.การมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ฯ : PLC ส่วนที่เกิน มานับรวมได้ )
- ต้องเข้ารับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยให้ประเมินตนเองตามแบบที่ ก.ค.ศ.กำหนด พร้อมทั้งจัดทำแผนการพัฒนาตนเองเป็นรายปีตามแบบที่ส่วนราชการต้นสังกัดกำหนด
- พัฒนาตามหลักสูตรที่สถาบันคุรุพัฒนารับรอง แต่ละปีจำนวน 12-20 ชม. โดยภายใน 5 ปีต้องพัฒนา 100 ชม. ( ถ้ามีปีที่พัฒนาไม่ครบ 20 ชม. แต่ไม่น้อยกว่า 12 ชม. ให้นำ ชม.การมีส่วนร่วมในชุมชนการเรียนรู้ฯ : PLC ส่วนที่เกิน มานับรวมได้ )
อนึ่ง ว 22/60
กำหนดการดำเนินการในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน สำหรับครูเก่าที่เสนอขอวิทยฐานะ ว่า
- ถ้าเคยผ่านการอบรมพัฒนาแบบเดิมแล้วไม่เกิน 3 ปี ให้นำมาใช้ขอวิทยฐานะได้ 1 ครั้ง
- ครูเก่าที่ดำรงตำแหน่งครู/วิทยฐานะมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ทั้งที่เคยผ่านการอบรมพัฒนาแบบเดิม แต่เกิน 3 ปี และที่ไม่เคยผ่านการอบรมพัฒนา สามารถเข้ารับการพัฒนาตาม ว 22/60 นี้โดยให้ผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรที่สถาบันคุรุพัฒนารับรอง จำนวนเพียง 20 ชม.ในการขอวิทยฐานะครั้งแรก 1 ครั้ง ( ถ้าขอ 1 ครั้งแล้วไม่ผ่าน การขอครั้งต่อ ๆ ไปจำนวน ชม.จะไม่ใช่เพียง 20 ชม. )
- ถ้าเคยผ่านการอบรมพัฒนาแบบเดิมแล้วไม่เกิน 3 ปี ให้นำมาใช้ขอวิทยฐานะได้ 1 ครั้ง
- ครูเก่าที่ดำรงตำแหน่งครู/วิทยฐานะมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี ทั้งที่เคยผ่านการอบรมพัฒนาแบบเดิม แต่เกิน 3 ปี และที่ไม่เคยผ่านการอบรมพัฒนา สามารถเข้ารับการพัฒนาตาม ว 22/60 นี้โดยให้ผ่านการพัฒนาตามหลักสูตรที่สถาบันคุรุพัฒนารับรอง จำนวนเพียง 20 ชม.ในการขอวิทยฐานะครั้งแรก 1 ครั้ง ( ถ้าขอ 1 ครั้งแล้วไม่ผ่าน การขอครั้งต่อ ๆ ไปจำนวน ชม.จะไม่ใช่เพียง 20 ชม. )
อนึ่ง กองศูนย์ส่วนกลาง กศน.
รวมทั้ง กศน.ภาค พิจารณาจัดทำหลักสูตรการพัฒนา เสนอให้สถาบันคุรุพัฒนารับรอง
เพื่อนำมาให้ ขรก.ครูสายงานการสอนของ กศน.สมัครเข้าอบรมพัฒนาตามหลักเกณฑ์ ว22 ซึ่งไม่แน่ว่ากองศูนย์ใดจะจัดบ้าง
แต่ ขรก.ครู
กศน.สามารถสมัครเข้าพัฒนาตามหลักสูตรของสังกัดอื่น เช่น สพฐ. (
ที่ผ่านการรับรองของสถาบันคุรุพัฒนา ) ได้ ตาม แนวปฏิบัติการให้บุคลากรไปอบรมที่หน่วยงานอื่นจัด
ฉบับปี 60 ( ที่ ศธ 0210.118/5854 ลว.1 พ.ย.60 ดูได้ที่
https://www.dropbox.com/s/x6tjyo5wmar02uo/TrainOther60.pdf?dl=1 )
2. เย็นวันที่
11
ม.ค.61 มีผู้ถามต่อท้ายโพสต์ผมในแฟนเพจเฟซบุ๊ก
ว่า จบ ป.โท ก่อนวันที่ 9 ธันวาคม 2559 บรรจุครูผู้ช่วยวันที่ 20 เมษายน 2558 แต่งตั้งตำแหน่งครู วันที่ 21 เมษายน 2560 ( แต่คำสั่งลงวันที่ 3 สิงหาคม 2560) คุณสมบัติยังสามารถทำ ว 17 ได้หรือเปล่า
ผมตอบว่า ได้.. เพราะดำรงตำแหน่งครู
21
เม.ย.60
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งครู ก่อนวันที่ 5 ก.ค.60 และก่อนวันที่ 5 ก.ค.60 นี้คุณสมบัติยังไม่ครบที่จะขอมีวิทยฐานะตาม ว 17/52 สามารถรอให้ถึงวันที่คุณสมบัติครบ แล้วขอตาม ว 17/52 ได้ 1 ครั้ง โดยต้องขอภายใน 1 ปี นับแต่วันที่คุณสมบัติครบตาม ว 17/52 ( ดูภาพประกอบ )
ผู้ที่ดำรงตำแหน่งครู ก่อนวันที่ 5 ก.ค.60 และก่อนวันที่ 5 ก.ค.60 นี้คุณสมบัติยังไม่ครบที่จะขอมีวิทยฐานะตาม ว 17/52 สามารถรอให้ถึงวันที่คุณสมบัติครบ แล้วขอตาม ว 17/52 ได้ 1 ครั้ง โดยต้องขอภายใน 1 ปี นับแต่วันที่คุณสมบัติครบตาม ว 17/52 ( ดูภาพประกอบ )
3. วันที่
12
ม.ค.61 มีผู้โทร.จาก กศน.อ.ใน อยุธยา
มาถามผมว่า อุปกรณ์-เครื่องหมายลูกเสือ
เช่น ผ้าพันคอ วอคเกิ้ล เชือก เข็มขัด ซื้อได้ไหม
ผมตอบว่า ก็คงเหมือนกับชุดหรือเครื่องแบบลูกเสือ ( อุปกรณ์-เครื่องหมาย
เป็นส่วนประกอบของชุดหรือเครื่องแบบลูกเสือ ) ซื้อไม่ได้ ไม่มีระเบียบรองรับ
หลังจากตอบไปแล้ว เพื่อความมั่นใจ ผมได้เรียนถามท่าน
อ.สุนีย์ หน่วยตรวจสอบภายใน กศน. ว่าผมตอบถูกต้องไหม ท่านบอกว่า ถูกต้อง เพราะสำนักงาน
กศน.ทำเรื่องหารือกรมบัญชีกลางไปนานแล้ว กรณี
สตง.เรียกเงินคืนค่าชุดลูกเสือพร้อมอุปกรณ์ แต่กรมบัญชีกลางยังไม่ตอบ
4. คืนวันเสาร์ วันเด็กที่ 13 ม.ค.61 มีผู้ถามผมทางไลน์ ว่า เด็กเทียบโอนแบบใหม่(ฉบับปรับปรุง2559) เด็กจบได้ภายใน1 ภาคเรียนได้ไหม
4. คืนวันเสาร์ วันเด็กที่ 13 ม.ค.61 มีผู้ถามผมทางไลน์ ว่า เด็กเทียบโอนแบบใหม่(ฉบับปรับปรุง2559) เด็กจบได้ภายใน1 ภาคเรียนได้ไหม
ผมตอบว่า นศ.จบได้ภายใน 1 ภาคเรียนมานานแล้ว
ตั้งแต่หลักสูตร 2544 คือถ้าครบ 4
เงื่อนไขก็จบ เช่น กพช.ครบ 200 ชม. วิชาเลือกบังคับอย่างน้อย 2 วิชา ( ถ้าเทียบโอนผลการเรียนได้มากจนเหลือวิชาเลือกที่ต้องเรียนเพิ่มไม่ถึง
4-6 นก. ก็ไม่ต้องเรียนวิชาเลือกบังคับ )
( การเทียบโอนรายวิชา
ห้ามเทียบโอนเกิน 75 % ของจำนวนหน่วยกิตทั้งหมด
ซึ่งถ้าเทียบโอนได้มากถึงหรือเกือบถึง 75 %
ก็จะเหลือจำนวนหน่วยกิตที่สามารถลงทะเบียนเรียนได้หมดในภาคเรียนเดียว เช่น
หน่วยกิตทั้งหมดของระดับประถมคือ 48 หน่วยกิต เทียบโอนได้ไม่เกิน 75 % ของ 48
คือเทียบโอนได้ไม่เกิน 36 หน่วยกิต ถ้าเทียบโอนได้ 31-36 หน่วยกิต ก็จะเหลือ 14-17
หน่วยกิต โดยระดับประถมให้ลงทะเบียนเรียนได้ภาคเรียนละไม่เกิน 14 หน่วยกิต
และถ้ามีการเทียบโอนผลการเรียนหรือเคยสอบไม่ผ่านได้เกรด 0
ภาคเรียนสุดท้ายก็ยังสามารถเรียนมากกว่าที่กำหนดได้อีก 3 หน่วยกิต รวมเป็น 17
หน่วยกิต ซึ่งระดับประถมถ้าเทียบโอนในภาคเรียนแรกแล้วเหลือไม่เกิน 17 หน่วยกิต
ก็ถือว่าภาคเรียนแรกนั้นเป็นภาคเรียนสุดท้ายด้วย สามารถลงทะเบียนเรียนได้ถึง 17
หน่วยกิต )
เพียงแต่ปัญหาคือ ใน 1 ภาคเรียน
กพช.มักจะไม่ครบ 200 ชม. แต่ นศ.ก็สามารถเสนอขอทำ กพช.แบบทำคนเดียว ให้ครบ 200
ชม.ได้นะ
( ดูคำตอบเดิม ในข้อ 6 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/488007 )
5. เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า กิจกรรม กพร. กีฬาพื้นบ้าน เช่น ชักเย่อ วิ่งกระสอบ กินวิบาก ฯลฯ นักกีฬาเบิกค่าอาหารในวันแข่งขันได้หรือเปล่า
( ดูคำตอบเดิม ในข้อ 6 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/488007 )
5. เช้าวันอาทิตย์ที่ 14 ม.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า กิจกรรม กพร. กีฬาพื้นบ้าน เช่น ชักเย่อ วิ่งกระสอบ กินวิบาก ฯลฯ นักกีฬาเบิกค่าอาหารในวันแข่งขันได้หรือเปล่า
ผมตอบว่า เบิกค่าอาหารนักกีฬาพื้นบ้านได้ตามข้อ 1.2
ในตารางที่ https://www.dropbox.com/s/24vx30wq37r7luz/Criteriamoney.pdf?dl=1
( ถ้าเป็นการละเล่นพื้นบ้าน เช่น งูกินหาง เป่ากบ จะไม่เข้าข่ายเป็น กีฬาพื้นบ้าน ๆ ต้องใช้กำลังพอสมควร การแข่งมีกติกาวางไว้แน่นอน และเป็นการกระทำที่สลับซับซ้อนมีกลวิธีการเล่น และผู้เล่นซึ่งเรียกว่านักกีฬาต้องได้รับการฝึกฝนมาก่อนพอสมควร ทั้งมีเทคนิคหรือกลวิธีการเล่นต่าง ๆ เพื่อให้ได้ชัยชนะ เช่น แย้ลงรู วิ่งสวมกระสอบ วิ่งเปี้ยว ชักคะเย่อ
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน กีฬา หมายถึง กิจกรรมหรือการเล่นเพื่อความสนุกเพลิดเพลินเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย หรือเพื่อผ่อนคลายความเคร่งเครียดทางจิต )
( ถ้าเป็นการละเล่นพื้นบ้าน เช่น งูกินหาง เป่ากบ จะไม่เข้าข่ายเป็น กีฬาพื้นบ้าน ๆ ต้องใช้กำลังพอสมควร การแข่งมีกติกาวางไว้แน่นอน และเป็นการกระทำที่สลับซับซ้อนมีกลวิธีการเล่น และผู้เล่นซึ่งเรียกว่านักกีฬาต้องได้รับการฝึกฝนมาก่อนพอสมควร ทั้งมีเทคนิคหรือกลวิธีการเล่นต่าง ๆ เพื่อให้ได้ชัยชนะ เช่น แย้ลงรู วิ่งสวมกระสอบ วิ่งเปี้ยว ชักคะเย่อ
ตามพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน กีฬา หมายถึง กิจกรรมหรือการเล่นเพื่อความสนุกเพลิดเพลินเพื่อความแข็งแรงของร่างกาย หรือเพื่อผ่อนคลายความเคร่งเครียดทางจิต )
ส่วน
กรอบการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ( ดูได้ที่
https://www.dropbox.com/s/f66w9e4c1niy9a0/fameqoalitystudent58.doc?dl=1 ) กำหนดไว้ในข้อ 2.8 กิจกรรมด้านกีฬา
และส่งเสริมสุขภาพ ว่า “เป็นการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาผู้เรียนได้มีโอกาสออกกำลังกายและเล่นกีฬาเพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดี
สร้างนิสัยความมีน้ำใจเป็นนักกีฬาและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ เป็นการสร้างความรักความสามัคคีในหมู่คณะ
ให้รู้แพ้รู้ชนะรู้อภัย และเป็นการสร้างสัมพันธภาพอันดีระหว่างนักศึกษา กศน. ครู
กศน. บุคลากรทางการศึกษา พนักงานราชการ ข้าราชการพลเรือน ครู
และผู้บริหารหน่วยงาน/สถานศึกษา”
กีฬาพื้นบ้านที่มีลักษณะตามนี้ ก็ถือเป็นกีฬาที่เบิกได้
6. เย็นวันที่ 15 ม.ค.61 สืบพงษ์ ทับทาบ หัวหน้า กศน.ตำบลทองหลาง อ.ห้วยคต อุทัยธานี ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า กศน.ตำบลที่ทำงานอยู่ ได้รับการสนับสนุนคอมพิวเตอร์จำนวน 2 เครื่อง ราคารวมประมาณ 12,000.- การบริจาคครั้งนี้มาจากบุคคลภายนอก เราสามารถออกใบอนุโมทนาบัตรให้เขาได้หรือไม่ และถ้าออกได้ พอมีรูปแบบไหม
กีฬาพื้นบ้านที่มีลักษณะตามนี้ ก็ถือเป็นกีฬาที่เบิกได้
6. เย็นวันที่ 15 ม.ค.61 สืบพงษ์ ทับทาบ หัวหน้า กศน.ตำบลทองหลาง อ.ห้วยคต อุทัยธานี ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า กศน.ตำบลที่ทำงานอยู่ ได้รับการสนับสนุนคอมพิวเตอร์จำนวน 2 เครื่อง ราคารวมประมาณ 12,000.- การบริจาคครั้งนี้มาจากบุคคลภายนอก เราสามารถออกใบอนุโมทนาบัตรให้เขาได้หรือไม่ และถ้าออกได้ พอมีรูปแบบไหม
ผมตอบว่า ออกประกาศเกียรติคุณบัตรได้
โดยถ้ามูลค่าไม่ถึง 5
ล้านบาท ให้ ผอ.สถานศึกษา ( ผอ.กศน.อำเภอ )
เป็นผู้ตอบขอบคุณหรืออนุโมทนาและออกประกาศเกียรติคุณบัตร
และถ้าเป็นคอมพิวเตอร์ของใหม่ไม่ใช่มือสอง ให้ระบุราคา ( ราคาตลาด )
ต่อท้ายรายการทรัพย์สินในประกาศเกียรติคุณบัตรด้วย
ผู้บริจาคจะได้สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
แต่เมื่อออก “หลักฐาน” การรับแบบนี้แล้ว
กศน.อำเภอต้องลงทะเบียนพัสดุ และบันทึกลงระบบ GFMIS ด้วยนะ ( ถ้ารับบริจาคเป็น เงิน
กศน.อำเภอก็ต้องออกใบเสร็จรับเงิน และนำเงินเข้าระบบบัญชี เบิกจ่ายตามขั้นตอนระเบียบราชการ
)
ดูระเบียบต่าง ๆ พร้อมรูปแบบประกาศเกียรติคุณบัตร ได้ตามลิ้งค์ของคำตอบเดิมในข้อ 3 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2015/11/bookoffice.html
7. ดึกวันที่ 17 ม.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์แฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า อยากขอทราบรายละเอียดการรับเด็กอายุไม่ 15 ปีเข้าเรียนกศน. แล้วห้ามเด็กจบก่อนวัยใช่หรือไม่ และะมีวี๊การอย่างไร
ดูระเบียบต่าง ๆ พร้อมรูปแบบประกาศเกียรติคุณบัตร ได้ตามลิ้งค์ของคำตอบเดิมในข้อ 3 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2015/11/bookoffice.html
7. ดึกวันที่ 17 ม.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์แฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า อยากขอทราบรายละเอียดการรับเด็กอายุไม่ 15 ปีเข้าเรียนกศน. แล้วห้ามเด็กจบก่อนวัยใช่หรือไม่ และะมีวี๊การอย่างไร
ผมตอบว่า ดูในคำตอบเดิม ๆ เช่นในข้อ 7 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2014/11/youtube.html
( วันที่ 18 ม.ค.61 อ.กิตติพงษ์ กลุ่มพัฒนา กศน. ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ว่า จะจบ ประถมต้องอายุ 12 ปี จะจบ ม.ต้นต้องอายุ 15 ปี )
( วันที่ 18 ม.ค.61 อ.กิตติพงษ์ กลุ่มพัฒนา กศน. ก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ว่า จะจบ ประถมต้องอายุ 12 ปี จะจบ ม.ต้นต้องอายุ 15 ปี )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย