วันเสาร์ที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

1.เงินรายได้สถานศึกษา ใช้อะไรได้บ้าง, 2.หนังสือรับรองการหักภาษีของผู้รับบำนาญ, 3.การย้ายกรณีพิเศษ กี่ปีจึงย้ายได้ ใช้แบบฟอร์มใด, 4.ขอเทียบวุฒิเปรียญธรรม, 5.ใบรับรองการเทียบวุฒิทางธรรม, 6.ตั้งอาจารย์ที่เพิ่งเกษียณเป็นกรรมการกลางสอบปลายภาคได้ไหม, 7.ทำโครงการประกวดแบบให้เงินรางวัลด้วย ใช้ระเบียบอะไร


สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้  7  เรื่อง ดังนี้



         1. เช้าวันที่ 9 ก.พ.63 มีผู้ถามผมทางไลน์ ว่า  สถานศึกษามีเงินรายได้ของสถานศึกษาที่ได้มาจากการเก็บค่าลงทะเบียนนศ.รุ่นเก่าๆ สถานศึกษาสามารถนำเงินมาใช้พัฒนาฯ ปรับภูมิทัศน์ ซื้อวัสดุ ได้ไหมคะ สถานศึกษาสามารถใช้อะไรได้บ้างคะ

             ผมตอบว่า   ใช้ได้เหมือนเงินงบประมาณ (งบดำเนินการ+เงินอุดหนุน รวมค่าครุภัณฑ์) คือใช้ได้ตามระเบียบราชการ ขั้นตอนวิธีการใช้เช่นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างก็เหมือนเงินงบประมาณ รายการที่เงินงบประมาณใช้ไม่ได้ก็ใช้เงินรายได้สถานศึกษาไม่ได้ อัตราก็เป็นไปตามระเบียบราชการเช่นเดียวกับงบประมาณ แต่จ่ายซ้ำซ้อนกับงบประมาณไม่ได้ เช่นจ่ายค่าทำงานนอกเวลาจากเงินงบประมาณเต็มอัตราไปแล้วจะจ่ายเงินนี้อีกไม่ได้
             ที่เพิ่มขึ้นมาคือใช้ซื้อครุภัณฑ์ได้

         2. ผู้รับบำนาญ พิมพ์หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย ปี 62 ( สำหรับยื่นเสียภาษีต้นปี 63 ) ได้ที่  https://pws.cgd.go.th/EFiling/login.jsf

             เข้าสู่ระบบด้วยการกรอกเลขประจำตัวประชาชน และรหัสผ่าน แล้วคลิกที่ “เข้าสู่ระบบ”
             ( ใครยังไม่เคยเข้าใช้บริการให้คลิกที่ “ลงทะเบียน” เพื่อขอรหัสผ่าน, ใครเคยเข้าใช้บริการแล้ว ถ้าลืมรหัสผ่าน ให้คลิกที่ “ขอรหัสผ่านใหม่” )
             -เข้าไปได้แล้วคลิกเลือกประเภทเงิน “บำนาญปกติ”
             -แล้วเลื่อนลงไปที่ส่วน “พิมพ์เอกสาร” คลิกที่ “พิมพ์หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย”
             -ใส่ปีภาษี “2562” แล้วคลิก “พิมพ์”

         3. วันอาทิตย์ที่ 9 ก.พ.63 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  หนูบรรจุตำแหน่งครูผู้ช่วย 1 ต.ค. 61 ตามเกณฑ์สามารถย้ายได้ 4 ปี แต่เนื่องจากหนูเป็นบุตรคนเดียว บิดามารดาเจ็บป่วยต้องรักษาต่อเนื่อง หนูจะลองยื่นย้ายกรณีพิเศษจะมีสิทธิย้ายได้มั้ยคะ แบบฟอร์มใช้ตัวเดียวกันกับย้ายกรณีปกติมั้ยคะ

             ผมตอบว่า   การย้ายกรณีพิเศษมี 4 กรณีย่อย บางกรณีต้องรอให้พ้นการทดลองปฏิบัติหน้าที่ราชการหรือการเตรียมความพร้อมและพัฒนาอย่างเข้ม ส่วนกรณี "การย้ายเพื่อดูแลบิดามารดาหรือคู่สมรสที่เจ็บป่วยร้ายแรง" ไม่ต้องรอให้พ้นการทดลองฯ
             ใช้แบบฟอร์มคำร้องขอย้ายแบบเดียวกับกรณีปกติ แต่ต้องแนบหลักฐานต่าง ๆ ที่แสดงความเป็นกรณีพิเศษกรณีนั้น ๆ ( ดูในข้อ 5.2.4 ที่ http://bit.ly/2RskHbp )

         4. คืนวันที่ 13 ก.พ.63 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  เรียนจบป.ธ.6 ทางโลกจบแค่ป.4 ต้องการเรียนสารพัดช่าง เขาต้องการวุฒิม.3 ต้องไปเอาใบเทียบก.ศ.น ยังไง เพราะเอาใบป.ธ.6ที่ไปยื่นให้สารพัดช่างเขาไม่รับ ขออาจารย์ช่วยแนะนำหน่อยนะ

             ผมตอบว่า   กศน.ไม่มีอำนาจบทบาทหน้าที่ในการ "เทียบวุฒิ" มีแต่อำนาจบทบาทหน้าที่ในการ "เทียบโอน" สำหรับผู้เรียน กศน. ( หน่วยงานที่มีอำนาจบทบาทหน้าที่ในการเทียบวุฒิการศึกษาขั้นพื้นฐานคือ สพฐ. แต่ ได้ข่าวว่าเขารับเทียบวุฒิเฉพาะวุฒิที่จบมาจากต่างประเทศ )
             คุณลองนำ พรบ.การศึกษาพระปริยัติธรรมฉบับใหม่ 2562 ( ดาวโหลดได้ที่  http://bit.ly/2VBDl2L ) หรือประกาศกระทรวงศึกษาธิการฉบับเดิม ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ ) ไปให้สารพัดช่างดู เขาอาจจะรับคุณเข้าเรียน






         5. เช้าวันเสาร์ที่ 22 ก.พ.63 มีผู้ถามต่อท้ายโพสต์ผมในเฟซบุ๊ก ว่า  ในกรณี่ที่ใบประกาศปธ.๓ยังเทียบม.ต้นเราจะไปขอใบรับรองจากที่ไหนกรณีที่สถาบันที่จะสมัครเรียนเขาถาม

             ผมตอบว่า   มันมี พรบ. มีประกาศกระทรวงศึกษาธิการให้เทียบวุฒิอยู่แล้ว ไม่ต้องมีใบรับรองอีก
             เราก็นำ พรบ./นำประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ ) ไปให้เขาดู ปกติสถาบันเขาจะรับสมัครถ้าไม่ผิดคุณสมบัติอื่นๆของเขาเช่น เพศ อายุ ฯลฯ ( โดยเฉพาะสถาบันของรัฐ.. ตอนผมเรียน ป.โทที่ ม.ราชภัฏ เพื่อนร่วมห้องไม่จบ ป.ตรี แต่ได้เปรียญธรรม 9 ประโยค ม.ราชภัฏยังรับเข้าเรียน ป.โทเลย )
             ถ้าเขาไม่รับทั้งๆที่คุณสมบัติถูกต้องตามระเบียบเขา เพราะเจ้าหน้าที่เขาไม่เข้าใจ ก็อาจร้องไปที่ผู้บังคับบัญชา/หน่วยเหนือของเขา ถ้าไม่ได้ผลและมั่นใจว่าคุณสมบัติเราถูกต้องหมดรวมทั้งจำเป็น ก็อาจฟ้องถึงศาลปกครอง






         6. คืนวันที่ 25 ก.พ.63 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์แฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า  สถานศึกษาสามารถแต่งตั้ง. อาจารย์ที่เพิ่งเกษียณไปเป็นกรรมกลาง. ในสนามสอบปลายภาคได้ไหม

             ผมตอบว่า   ผมเคยตอบในข้อ 6 ที่  http://nfeph.blogspot.com/2019/03/police.html  ว่า
             “ กรรมการดำเนินการสอบปลายภาคต้องเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างประจำ หรือพนักงานราชการ ที่ยังไม่เกษียณ ( สังกัดอื่นก็อนุโลมได้ )  ถ้าไม่ได้เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำหรือพนักงานราชการ ต้องเป็น “ครู” ที่สังกัด กศน. ( ครู ศรช. ครู ปวช. ครูสอนคนพิการ-เด็กเร่ร่อน ฯลฯ ที่ชื่อตำแหน่งมีคำว่าครู ) แต่นโยบายเรา ไม่ให้ครู กศน.คุมสอบ นศ.“กลุ่มของตนเอง” นะ ”
             “ นางพรรณทิพา ( อดีต ผอ.กลุ่มพัฒนาระบบการทดสอบ ) บอกว่า จนท.กศน. ทั้งข้าราชการ-พนักงานราชการ-จ้างเหมา ทุกตำแหน่ง เป็นกรรมการกลางได้ ”
             คำว่า กรรมการดำเนินการสอบ หมายรวมถึงกรรมการกลางด้วย เพราะกรรมการกลางก็มีโอกาสทำความผิดได้ เช่น คัดลอกข้อสอบ ซึ่งนายสัจจา อดีต ผอ.กจ.กศน.เคยตอบว่า ผู้กำกับการสอบมีความประมาทเลินเล่อหรือจงใจละเว้นหรือรู้เห็นแล้วไม่ปฏิบัติตามหน้าที่หรือไม่รายงานต่อหัวหน้าจนเป็นเหตุให้มีการทุจริตในการสอบเกิดขึ้น ถือว่าเป็นการประพฤติผิด“วินัย”ร้ายแรง
             - คำว่า วินัย ใช้กับข้าราชการ+ลูกจ้างประจำ+พนักงานราชการ ที่ยังไม่เกษียณ ส่วนผู้ที่ทำผิดหลังเกษียณ เราจะลงโทษไม่ได้แล้ว ต้องเป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง
             - คำว่า ผู้กำกับการสอบในที่นี้ หมายถึง คณะกรรมการที่ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ดูแลในการสอบทั้งหมด
             ฉะนั้น ตามหลักการ กรรมการกลางก็ต้องเป็นบุคคลที่ราชการยังสามารถลงโทษได้ด้วย คือยังไม่เกษียณ

         7. วันที่ 26 ก.พ.63 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  จะทำโครงการประกวดทักษะภาษาไทยสำหรับผู้ไม่รู้หนังสือ แล้วมีเงินรางวัลด้วยคะหนูอยากทราบว่าจะต้องใช้ระเบียบอะไรมาใช้ในการทำโครงการสำหรับเงินรางวัลต่างๆ
             ผมตอบว่า   เรื่องรางวัลผู้ชนะการประกวด/แข่งขัน จะอยู่ใน “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมการจัดงานและการประชุมระหว่างประเทศ พ.ศ.2549 และที่แก้ไขเพิ่มเติม” ซึ่งจะต้องเป็นการจัดงานตามแผนงานโครงการตามภารกิจปกติ และอัตราในการเบิกจ่ายแต่ละรายการนั้น ให้หัวหน้าส่วนราชการเจ้าของงบประมาณพิจารณาอนุมัติการเบิกจ่ายได้เท่าที่จ่ายจริงตามความจำเป็นเหมาะสมและประหยัด ( หัวหน้าส่วนราชการของเราคือปลัดกระทรวงศึกษาธิการ )
             ซึ่งส่วนกลางของเรายังไม่ได้กำหนดอัตราเงินรางวัลโครงการประกวดทักษะภาษาไทยสำหรับผู้ไม่รู้หนังสือไว้ จึงเบิกจ่ายเงินรางวัลนี้ไม่ได้ ถ้าจะทำเรื่องขออนุมัติไปส่วนกลางก็ไม่แน่ว่าจะได้รับอนุมัติหรือไม่ เพราะการประกวดทักษะภาษาไทยสำหรับผู้ไม่รู้หนังสือ คงไม่ใช่การจัดงานตามแผนงานโครงการตามภารกิจปกติ
             ( ถ้าเป็น อปท.เขาจะมีการจัดงานตามแผนงานโครงการตามภารกิจปกติได้หลายงาน  แม้การสอนผู้ไม่รู้หนังสือเป็นภารกิจปกติของเราแต่การจัดงานประกวดฯคงไม่ใช่ คงต้องใช้เงินอื่นเช่นเงินบริจาค )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย