วันเสาร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2564

1.ผู้หญิงเข้ารับเครื่องราช ในพิธีต้องสวมหมวกไหม, 2.ครูขอยกเว้นการเข้ารับราชการทหาร, 3.บรรจุใหม่ กู้สร้างบ้านที่อีกอำเภอก่อนย้าย แล้วย้ายภายหลัง เบิกค่าเช่าบ้านเพื่อส่งธนาคารได้หรือไม่, 4.การคืนเครื่องราชฯ, 5.คะแนนประเมินพนักงานราชการเป็นแบบนี้ ยังจะได้ทำงานไหม?, 6.การออกใบแทนใบวุฒิฯ หลักสูตรเก่าๆ, 7.ต้องทำหนังสือระบุผู้รับเงินบำเหน็จตกทอด และเงินช่วยพิเศษ หรือไม่

สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้  7  เรื่อง ดังนี้

 

         1. เช้าวันเสาร์ที่ 20 มี.ค.64 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  ผู้หญิงเข้ารับเครื่องราชชั้นสายสะพาย ในพิธีต้องสวมหมวกไหม..พอดีเพื่อนจะเข้ารับ..ค้นหาไม่เจอ..
             หาเจอแล้ว.ไม่ต้องสวมหมวก..ถูกต้องไหม

             ผมตอบว่า   ใช้ระเบียบการแต่งเครื่องแบบฯ คือ ถ้าพิธีภายในอาคารไม่ต้องสวมหมวก พิธีภายนอกอาคารสวมหมวก (ทั้งผู้ชายและผู้หญิง)
             ซึ่งพิธีรับเครื่องราชฯจะจัดภายในอาคาร จึงไม่ต้องสวมหมวก ( ตัวอย่างตามขั้นตอนปฏิบัติในการเข้าเฝ้ารับพระราชทานเครื่องราชฯ ในภาพประกอบ )
             อนึ่ง ในกำหนดการพิธีต่าง ๆ จะระบุไว้ว่าให้สวมหมวกหรือไม่ เช่นระบุว่า "การแต่งกาย เครื่องแบบปกติขาวสวมหมวก" ถ้ากำหนดการระบุว่า "การแต่งกาย เครื่องแบบปกติขาว" จะหมายถึงไม่ต้องสวมหมวก ( ตัวอย่างตามภาพประกอบ )




         2. คืนวันจักรี 6 เม.ย.64 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์แฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า  ตำแหน่งพนักงานราชการครู กศน.ตำบล สามารถทำเรื่อฃขอยกเว้นการเกณฑ์ทหารได้ไหม เหมือนครูในระบบที่ครูอัตราจ้างก้อสามารถทำได้

             ผมตอบว่า   ใช้ระเบียบฉบับเดียวกัน
             ( ใช้คำว่า “ยกเว้น” ถูกแล้ว ครู=ยกเว้น นักเรียน=ผ่อนผัน )
             ครูที่จะขอยกเว้นการเข้ารับราชการทหารได้ จะต้องเป็น “ครูประจำ” ( ครูอัตราจ้างก็ขอยกเว้นได้ถ้าเป็นครูประจำ ) ที่มีคุณสมบัติดังนี้
             - ทำการสอนนักเรียนนิสิตนักศึกษา ไม่น้อยกว่า 15 คน ( ถ้าห้องใดมีนักเรียน 15-29 คน แต่มีครูมากกว่า 1 คน ขอยกเว้นให้ครูได้เพียง 1 คน ) และ
             - สอนระดับมัธยมศึกษาลงมาสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 18 ชั่วโมง หรือ สอนระดับสูงกว่ามัธยมศึกษาสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมง
             ทั้งนี้ ครูที่ได้รับการยกเว้น ไม่ต้องไปตรวจเลือกทหาร ( เกณฑ์ทหาร )
             โดยปกติสถานศึกษา กศน.ต้องส่งเรื่องถึง สนง.กศน.จังหวัด/กทม. ภายในเดือน ธ.ค. ซึ่งครูต้องยื่นคำร้องถึงสถานศึกษา ดังนี้
             1)  ใบสำคัญ ( แบบ สด.9 )
             2)  หมายเรียก ( แบบ สด.35 )
             3)  บัตรประจำตัวประชาชน
             4)  สำเนาทะเบียนบ้าน
             5)  คำสั่งแต่งตั้งให้เป็นครู
             6)  ตารางสอน
             ดาวน์โหลดตัวอย่างแบบฟอร์มขอยกเว้นฯได้ที่   http://www.spm18.go.th/2017/datas/file/1547092312.pdf  
             ปกติจะยกเว้นไปจนพ้นจากฐานะ ( หมดคุณสมบัติ ) หรืออายุ 30 ปี ( อายุ 30 ปลดจากทหารกองเกินเป็นทหารกองหนุนชั้นที่ 2 ไม่ต้องเกณฑ์ทหารแล้ว ) ถ้าหมดคุณสมบัติก่อนอายุ 30 ปี เช่น พ้นจากการเป็นครูประจำ นักเรียนไม่ครบ 15 คน ชั่วโมงสอนไม่ครบสัปดาห์ละ 18 ชม. ผู้ได้รับการยกเว้นต้องแจ้งนายอำเภอท้องที่ภูมิลำเนาทหาร ตามมาตรา 15 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พรบ.รับราชการทหาร (ฉบับที่ 4) ภายใน 30 วัน นับจากวันพ้นจากฐานะ ถ้าไม่แจ้งจะมีโทษตามมาตรา 43   ( ตอนหลังรู้สึกว่าเขาจะให้สถานศึกษาแจ้งอีกส่วนหนึ่งด้วย )

         3. วันสงกรานสต์ 13 เม.ย.64 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  ครูบรรจุใหม่กู้สร้างบ้านอีกอำเภอ..แล้วยื่นย้ายไปอยู่ทีหลัง..จะเบิกค่าเช่าบ้านเพื่อส่งธนาคารได้หรือเปล่า

             ผมตอบว่า   ถ้าได้ย้ายตามคำร้องขอของตนเองเบิกไม่ได้ ถ้าไม่ต้องห้ามตามเงื่อนไข 3 ข้อ จะเบิกได้..
             กรณีการทำสัญญากู้เงินจากธนาคารเพื่อนำมาซื้อบ้านหรือจ้างปลูกสร้างบ้านก่อนที่จะย้ายไปรับราชการในท้องที่นั้น ต่อมาภายหลังหาก “ได้รับคำสั่งย้ายไปสำนักงานต่างท้องที่” ให้ไปประจำในท้องที่ที่มีบ้านที่ได้กู้เงินธนาคารมาซื้อหรือสร้างบ้าน แม้จะซื้อหรือสร้างก่อนมีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน บ้านหลังดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิแต่ยังมีหนี้ค้างชำระ จึงไม่ต้องห้ามตาม ม.7 (2) และถ้าไม่ต้องห้ามตามเงื่อนไขอื่น ๆ อีก 3 ข้อคือ
             1)  ราชการจัดที่พักอาศัยให้
             2)  มีบ้านอื่นที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองหรือคู่สมรสโดยไม่มีค้างชำระในท้องที่
             3)  ได้ย้ายตามคำร้องขอของตนเอง
             ย่อมเป็นผู้มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้านซึ่งสามารถนำหลักฐานการผ่อนชำระเงินกู้เพื่อชำระราคาบ้านหลังดังกล่าวมาใช้สิทธิได้ตั้งแต่วันที่มีสิทธิเบิกค่าเช่าบ้าน

         4. เช้าวันที่ 3 พ.ค.64 ( วันหยุดชดเชยวันแรงงานของผู้ใช้แรงงาน ) มีผู้ถามผมทางไลน์ ว่า  เครื่องราชฯ ที่เราได้รับ พอเวลาวันที่เราเกษียนอายุราชการแล้วเราต้องคืน ใช่ไหมคะอาจารย์ หนูเคยได้ยิน พวกคุณครูที่เขาเกษียนมาแล้ว เขาบอกค่ะ

             ผมตอบว่า   เหรียญตราเครื่องราชฯที่ได้รับจัดสรรจากส่วนกลาง ( ไม่รวมถึงที่จัดซื้อจัดหาเอง-ไม่รวมประกาศนียบัตรกำกับเครื่องราชฯ-ไม่รวมแพรแถบย่อ ) มีระเบียบการส่งคืน 4 ข้อ ตามภาพประกอบ ซึ่งจะเห็นว่าไม่มีข้อที่ระบุว่า เกษียณ คือเมื่อได้รับพระราชทานฯแล้ว ถ้าไม่เข้าข้อ 1-2 ก็ประดับไปได้ตลอดชีวิต แต่หลายคนเมื่อเกษียณก็จะส่งคืนเลยเพื่อไม่เป็นภาระแก่ทายาทตามข้อ 3 เพราะทายาทที่รับมรดกต้องรับผิดชอบ ถ้าไม่ส่งคืน ทายาทจะมีความผิดตามกฎหมาย ถ้าหาไม่พบต้องชดใช้ตามข้อ 4 ซึ่งราคาแพงมาก
             การส่งคืน ส่งคืนได้ 3 ที่
             1)  สนง.กศน.จังหวัด/กทม.
             2)  กบ.กศน.
             3)  สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สำนักอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์) ในบริเวณทำเนียบรัฐบาล

 

         5. เย็นวันที่ 21 ก.ย.64 ผมตอบคำถามที่มีผู้ถามทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  ถ้าประเมินพนักงานราชการไตรมาศ 1-2 ได้ 62 คะแนน  ไตรมาศ 3-4 ได้ 78 ระดับดี ยังจะได้ทำงานไหมคะ เพราะเขาบอกว่า ต้องเอาคะแนนไตรมาศ 1-2 มารวมกับคะแนน ไตรมาศ 3-4 แล้วเอามาหาร 2 ต้องอยู่ในระดับดี

             ผมตอบว่า  มี 2 เรื่อง คือ
             1)  ถ้าเป็นการประเมินในปีที่จะต่อสัญญาจ้าง ต้องผ่านครบทั้งสองข้อจึงจะต่อสัญญาจ้าง คือ
                 - ได้ "คะแนน" ระดับ ดี (75 คะแนน)ขึ้นไป อย่างน้อย 1 ครั้ง

                 - "คะแนนเฉลี่ย" ของ 2 ครั้ง ระดับ ดี (75 คะแนน)ขึ้นไป
            2)  ถ้าเป็นการประเมินในปีที่ไม่ได้จะหมดสัญญาจ้าง ต้องผ่านแค่ข้อเดียวคือ ได้ "คะแนน" ระดับ ดี (75 คะแนน)ขึ้นไป อย่างน้อย 1 ครั้ง ก็ไม่เลิกจ้าง ไม่ดูคะแนนเฉลี่ย (คะแนนเฉลี่ยใช้พิจารณาจำนวนเงินเพิ่มค่าตอบแทน)
            กรณีที่คุณแจ้ง ผ่านข้อ 1 ข้อเดียว คือได้ต่ำกว่า 75 คะแนน เพียงครั้งแรกครั้งเดียว ผ่านเกณฑ์ข้อ 1 ถ้าไม่ใช่ปีที่จะต่อสัญญาจ้างก็ยังจะได้ทำงานต่อ

            แต่ถ้าเป็นปีที่จะต่อสัญญาจ้าง ก็จะไม่ต่อสัญญาจ้าง เพราะ คะแนนเฉลี่ย 2 ครั้ง (62+78)/2=70 ต่ำกว่า 75 ไม่ผ่านเกณฑ์ข้อ 2 ผ่านเกณฑ์ข้อเดียว ไม่ต่อสัญญาจ้าง

         6. วันที่ 31 ส.ค.64 มีบุคลากร สนง.กศน.จังหวัด โทร.มาถามผมถึงวิธีออกหลักฐานการศึกษากรณี นักศึกษาหลักสูตรการศึกษาผู้ใหญ่แบบเบ็ดเสร็จ ระดับที่ 4 รับไปแล้วสูญหายมาขอใหม่

            ผมตอบทางไลน์ ว่า
            เรื่องนี้ผมเคยตอบใน
            - ข้อ 4 ที่  https://www.gotoknow.org/posts/472755  
            - ข้อ 2 ที่  https://www.gotoknow.org/posts/535023  
            - https://www.gotoknow.org/posts/442192  
            ว่า
            ถ้าแน่ใจว่าเขาจบจริง หลักสูตรเก่า ๆ ก่อนหลักสูตร 2544 ให้ออกเป็นหนังสือรับรองตามแบบฟอร์มที่  https://www.gotoknow.org/posts/442192  
            ( คำว่า “รหัสประจำวัน” แก้เป็น “รหัสประจำตัว” )
            โดยสามารถ ปรับส่วนที่เป็นผลการเรียน ให้สอดคล้องกับโครงสร้างหลักสูตรนั้น ๆ
            ( เพื่อความแน่ใจว่าวิธีนี้ถูกต้อง ผมได้ถามเรื่องนี้ที่กลุ่มพัฒนา กศน.อีกครั้ง เมื่อ ธ.ค.54 ได้รับคำตอบจาก คุณกรวรรณ ว่า ให้ออกเป็นหนังสือรับรองนี้อย่างเดียว ใช้แทนใบ รบ. โดยถ้าไม่มีผลการเรียน ให้ดูโครงสร้างหลักสูตรนั้นว่าต้องเรียนวิชาใดบ้าง ถ้าเรียนเหมือนกันทุกคนก็ใส่วิชาที่เรียนลงไปด้วย ถ้าผลการเรียนเป็น ผ่าน ก็ใส่ว่า ผ่าน หรือไม่ต้องมีผลการเรียนก็ได้ และถ้าไม่สามารถทราบได้ว่าเรียนวิชาใดบ้างก็ไม่ต้องใส่ทั้งวิชาและผลการเรียน )

         7. วันที่ 27 ก.ย.64 มีผู้ถามผมทางไลน์ เรื่องเงินบำเหน็จตกทอด และเงินช่วยพิเศษ ว่า ผู้มีคู่สมรส มีบุตร ต้องทำพินัยกรรมหรือไม่คะ

            ผมตอบว่า
            - ถ้าเป็นบำเหน็จตกทอด จะจ่ายให้ทายาทโดยไม่ต้องทำเรื่องระบุ ถ้าไม่มีทายาทเหลือ จึงจะจ่ายให้ผู้ที่ระบุไว้
            - ถ้าเป็นเงินช่วยพิเศษกรณีเสียชีวิต ถ้าระบุไว้ จะจ่ายให้ผู้ที่ระบุไว้ ไม่จ่ายให้ทายาท ถ้าไม่ระบุไว้ จึงจะจ่ายให้ทายาท
            - กรณีในวันที่เราเสียชีวิต ไม่เหลือทายาทด้วยและไม่ระบุไว้ด้วย เงินจะตกเป็นของแผ่นดินทั้ง 2 อย่าง

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย