วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2561

1.จะอบรมลูกเสือหลักสูตร B.T.C. ต้องอายุเท่าไร, 2.พิธีที่พนักงานราชการรับพระราชทานเครื่องราชฯ เขียนป้ายอย่างไร, 3.สอนเสริมได้วันละไม่เกินกี่ชั่วโมง, 4.นับเวลาผู้จะรับเข็มเชิดชูเกียรติยังไง งานบุคคลบอกว่ายังไม่ถึงเกณฑ์, 5.เรื่องนายทะเบียน, 6.การสอบวิชาเลือก เป็นอำนาจของจังหวัดหรืออำเภอ, 7.ผมเป็นคนมีปัญหา


สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้  7  เรื่อง ดังนี้

         1. วันที่ 31 ก.ค.61 มีผู้ถามต่อท้ายโพสต์ของผมในแฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า  การฝึกอบรมหลักสูตร BTC ทั้งวิสามัญและสามัญรุ่นใหญ่ อายุเท่าไหร่ขึ้นไปครับถึงจะเข้าการอบรมได้

             ผมตอบว่า   ผู้ที่จะเข้าอบรมหลักสูตรผู้กำกับลูกเสือ ขั้นความรู้เบื้องต้น ( B.T.C.) ต้องผ่านการอบรมขั้นความรู้ทั่วไป
             ส่วนผู้ที่จะเข้ารับการฝึกอบรมขั้นความรู้ทั่วไป ต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
             แต่เขามักจะจัดอบรมขั้นความรู้ทั่วไป ควบคู่กับขั้นความรู้เบื้องต้น โดยใช้เวลาอบรมรวม 3 คืน 4 วัน  ผู้ที่จะเข้ารับการฝึกอบรมต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป
             ( ดูในข้อ 6-7 ที่ https://www.dropbox.com/s/jrcn3gzu79mvtvo/scoutT.pdf?dl=0 )

         2. วันที่ 2 ส.ค.61 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า  ในกรณีที่พนักงานราชการได้รับพระราชทานเครื่องราชฯปีนี้ และผอ.จังหวัดให้มีพิธีการรับต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ เราจะใช้คำอย่างไรครับสำหรับเขียนป้าย
             พิธีเข้ารับพระราชทานเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ ประจำปี ๒๕๖๐ ต่อหน้าพระฉายาลักษณ์ หรือว่าอย่างไรครับ

             ผมตอบว่า   ควรใช้ประโยคว่า พิธีรับพระราชทานเครื่องราชอิสสริยาภรณ์ ประจำปี ๒๕๖๐ หน้าพระฉายาลักษณ์  ( ไม่ต้องมีคำว่า "เข้า", "ต่อ" เพราะคำนี้เป็นภาษาพูด )

         3. ผู้ถาม ถามต่อ ว่า  ค่าตอบแทนสอนเสริมฯ ไม่เกิน ชม. ละ ๒๐๐ บาท/คน คำถามคือเบิกได้วันละกี่ ชม.ครับ

             ผมตอบว่า   สอนเสริม กศ.ขั้นพื้นฐานใช่ไหม  ในหนังสือ “คู่มือการดำเนินงานหลักสูตรการศึกษานอกระบบระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2551” หน้า 87 กำหนดไว้เพียงสั้น ๆ ว่า “ค่าตอบแทนวิทยากรสอนเสริม ให้เป็นไปตามที่กระทรวงการคลังกำหนด”
             ส่วน “คู่มือการดำเนินงานตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียนหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2549 กำหนดไว้ในหน้า 60 ว่า
             “กำหนดให้มีการสอนเสริมในการจัดการเรียนรู้วิธีเรียนแบบพบกลุ่ม ทุกระดับการศึกษา ในหมวดวิชาพื้นฐาน สาระการเรียนรู้ที่ยุ่งยากซับซ้อนต่อการทำความเข้าใจ ได้แก่ หมวดวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ หมวดวิชาละไม่เกิน 12 ชั่วโมง ในแต่ละภาคเรียน  สำหรับจำนวนผู้เรียนที่เข้ารับการสอนเสริมแต่ละครั้ง ให้หัวหน้าสถานศึกษาพิจารณาตามความเหมาะสม  สำหรับค่าตอบแทนวิทยากรสอนเสริม ให้เบิกจ่ายในอัตราชั่วโมงละ 200 บาท ตามหนังสือสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ที่ ศธ 0210.03/7113 ลงวันที่ 15 ธันวาคม 2548 ( ซึ่งอ้างอิงหนังสือกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง ที่ กค 0409.7/15059 ลงวันที่ 24 พฤษภาคม 2548 )”
             ฉะนั้น ปัจจุบันไม่ได้กำหนดจำกัดว่า สอนเสริมได้ไม่เกินวันละกี่ชั่วโมง
             ( อนึ่ง ครูหรือวิทยากรสอนเสริม ต่างจากวิทยากรการอบรม โดยการอบรมอาจมีวิทยากรพร้อมกันมากกว่า 1 คน แต่ครูสอนเสริมคงต้องมีคนเดียวในกลุ่มเดียวกันเวลาเดียวกัน )

         4. วันที่ 3 ส.ค.61 มีผู้ถามผมในกลุ่มไลน์ ITw NFE ว่า  การที่จะได้รับเข็มเชิดชูเกียรตินั้น นับอายุการทำงานเป็นพนักงานราชการมาหรือ ฉันเป็นครูอาสาปี 2540 จนถึงปัจจุบัน งานบุคคลบอกว่ายังไม่ถึงเกณฑ์รับเหรียญ เพราะนับเวลาเริ่มเป็นพนังานราชการ อยากเรียนถามว่าใช่หรือไม่ เพราะเช็คชื่อแล้วไม่มีชื่อรับเหรียญทองปีนี้

             ผมตอบว่า   นับรวมระยะเวลา 3 ตำแหน่ง คือ ครูอาสาฯ ครู กศน.ตำบล ครู ศรช. ที่ต่อเนื่องกัน  ถ้าเว้นช่วงแล้วเข้ามาใหม่ให่้เริ่มต้นนับใหม่ เช่นถ้าลาออกจากครู ศรช. 30 ก.ย.58 แล้วเป็นครูอาสาฯ 1 ต.ค.58 ต่อเลย ก็จะนับเวลารวมต่อกัน  เศษเกิน 6 เดือน นับเป็น 1 ปี
             ครบปีนี้ รับปีหน้า เช่น ครบ 20 ปี ภายใน 30 ก.ย.60 รับเข็มทองในปี 2561 เป็นต้น
             ส่วนกลางให้จังหวัดสำรวจรายชื่อส่งไป
             ( ถ้านับเวลาเฉพาะตอนเป็นพนักงานราชการ ประเทศไทยก็ยังไม่มีพนักงานราชการคนไหนได้เข็มทองหรอก เพราะเจ้าหน้าที่รัฐประเภทพนักงานราชการ มีกำหนดขึ้นมายังไม่ครบ 20 ปี )

         5. วันที่ 7 ส.ค.61 มี ผอ.กศน.เขต โทร.มาถามผมเรื่องนายทะเบียน 2 คำถาม ว่า

             1)  นายทะเบียนลา 1 สัปดาห์ ถ้าต้องออกใบ รบ.ในช่วงที่นายทะเบียนลานี้ จะให้คนอื่นเป็นนายทะเบียนแทน หรือ ผอ.ลงนามในนามนายทะเบียนด้วย ได้หรือไม่
                  ผมตอบว่า  ไม่ได้  ปกติต้องรอ แต่ถ้ามีความจำเป็นรอไม่ได้ ผอ.ก็ออกคำสั่งแต่งตั้งคนอื่นเป็นนายทะเบียนชั่วคราว และเมื่อนายทะเบียนคนเดิมกลับมาทำงานโดย ผอ.ต้องการให้คนเดิมเป็นนายทะเบียน ผอ.ก็ออกคำสั่งแต่งตั้งนายทะเบียนใหม่อีกครั้ง

             2)  การแต่งตั้งนายทะเบียน ถ้ามีข้าราชการต้องแต่งตั้งจากข้าราชการ กรณีที่มีข้าราชการคนเดียวใกล้เกษียณและไม่ต้องการเป็นนายทะเบียน จะแต่งตั้งพนักงานราชการเป็นนายทะเบียนได้หรือไม่
                  ผมตอบว่า  เหตุผลที่ว่าใกล้เกษียณยังไม่ใช่เหตุผลที่เพียงพอ แต่เหตุผลที่ว่าเขาไม่ต้องการเป็นนายทะเบียน ต้องให้เขาบันทึกแจ้งเหตุผลเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนจึงจะพิจารณาแต่งตั้งพนักงานราชการเป็นนายทะเบียนได้

         6. วันที่ 8 ส.ค.61 มีผู้ถามผมทางกลุ่มไลน์ ITw NFE ว่า  การจัดตารางสอบรายวิชาเลือกเสรี เป็นอำนาจของ จังหวัด หรือว่า กศน.อำเภอ
             ผมตอบว่า   มีนโยบาย 2 นโยบาย ที่ต่างกัน  แต่นโยบายที่ออกทีหลัง เป็นการแจ้งในที่ประชุมอบรม ดังนี้
             1)  นโยบายเดิม การจัดสอบปลายภาควิชาเลือก ให้อยู่ในความดูแลของจังหวัด โดยให้เป็นมาตรฐานเดียวกันทั้งจังหวัด เช่น ถ้ามีวิชาเลือกวิชาเดียวกัน 2 อำเภอขึ้นไป ต้องสอบในเวลาและเครื่องมือเดียวกัน ( ถ้าวิชาเลือกใดมีเพียงอำเภอเดียวจึงอนุโลมให้อำเภอนั้นดำเนินการเอง )
             2)  นโยบายใหม่ ตั้งแต่มีโปรแกรมการเรียนรู้ มีวิชาเลือกเสรี ซึ่งอาจมีวิชาเลือกเสรีเป็นร้อยเป็นพันวิชาตามบริบทของแต่ละอำเภอ มีการแจ้งในที่ประชุมอบรมตั้งแต่สมัยท่านเลขาฯสุรพงษ์ว่า การประเมินผลวิชาเลือกเสรีให้เป็นบทบาทหน้าที่ของแต่ละสถานศึกษา ซึ่งบางวิชาอาจไม่ต้องสอบแต่ประเมินจากโครงงาน หรือสอบอัตนัยข้อเดียว ฯลฯ

         7. วันอาทิตย์ที่ 19 ส.ค.61 ผมสนทนาทางไลน์กับหัวหน้ากลุ่มงานหนึ่งของส่วนกลาง กศน. ถึงเรื่องบุคลากรสำนักงานพระพุทธศาสนาถูกจับหลายท่าน บางท่านเป็นคนคุ้นเคยพวกเรา
             ผมบอกว่า  “บางครั้งก็อยู่ที่สถานการณ์ โดยเฉพาะหน่วยงานของรัฐ ยากที่จะยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง”
             แล้วผมก็ระบายว่า
             ผมรู้สึกดีใจมาก ๆ ที่ผมรอดพ้นมาจนเกษียณแล้ว
             ผมมีปัญหาสำคัญ 2 เรื่อง
             1)  ผมหงุดหงิดกับพฤติกรรมของเด็กยุคใหม่ ถ้าผมเป็นครูในโรงเรียน วันหนึ่งผมต้องโดนแจ้งความ ลงข่าวหน้าหนึ่ง เรื่องลงโทษเด็กเกินกว่าเหตุแน่ แต่โชคดีที่ผมเป็นข้าราชการครู กศน.ที่ไม่ได้สอนเด็ก
             2)  ผมเป็นคนตรง ( ไม่แน่ใจว่าเป็นข้อดีหรือไม่ เพราะทำให้ผมมีความทุกข์ มีปัญหาในการทำงานหลายครั้ง แต่ผมก็เปลี่ยนนิสัยไม่ได้ ) ผมเคยเป็นกรรมการตรวจรับพัสดุสำคัญหลายครั้ง เช่น อบจ.ตั้งให้เป็นกรรมการตรวจรับพัสดุที่ อบจ.ซื้อให้หน่วยงาน กศน., เคยเป็นหัวหน้างานการเงินระดับจังหวัด, เคยรักษาการในตำแหน่ง ผอ.จัดซื้อจัดจ้างพิมพ์หนังสือเรียน ฯลฯ  การดำเนินการเหล่านี้ทำให้ผมกลายเป็นคนมีปัญหาในสายตาของหลายคน
                  ตลอดเวลารับราชการ 40 ปี ผมได้ฉายาเกี่ยวกับความตรงหลายฉายา เช่นสมัยที่ทีวีไทยนำเรื่องเปาบุ้นจิ้นเข้ามาฉายยุคแรก ผมก็ได้รับฉายาว่าเปาบุ้นจิ้น  บางครั้งก็ได้รับฉายาว่าไม้บรรทัดเหล็ก  ผมไม่ยอมทำงาน "นายทะเบียน" เพราะต้องดำเนินการในลักษณะให้อภิสิทธิ์คนบางประเภท และอีกหลายงานในยุคของผู้บริหารบางคน  ผมทำงานได้หลายงานแต่ต้องยอมให้ผมทำตามระเบียบ
                  บางคนบอกว่าผมตรงขนาดเสาไฟฟ้าอยู่ตรงหน้าผมก็ไม่เดินอ้อมแต่เดินชนเสา คนแบบนี้จะประสบปัญหา ไม่ก้าวหน้า
                  แต่ผมก็ดีใจมากที่รอดมาถึงเกษียณแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย