สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 7 เรื่อง ดังนี้
1. คืนวันที่ 9 พ.ย.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า
“ ฉันได้ข้อมูลจากการเข้าอบรมเรื่องกฏหมายเกี่ยวกับพนักงานราชการชึ่ง ผอ.กจ.และ อ.จักราวุธ เป็นวิทยากร ให้กับครู กศน.จังหวัดร้อยเอ็ด และฉันได้โทรปรึกษากับ อ.จักราวุธ อาจารย์ก็แนะนำในเรื่องการขอเงินจากกองทุนประกันสังคม ในกรณีที่ลาออกจากประกันสังคมเนื่องจากสอบได้ครูผู้ช่วย เราสามารถขอเงินกองทุนประกันสังคม ในส่วนที่เราจ่าย 5 เปอร์เช็นแต่ละเดือน จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.กองทุนประกันสังคม 2.กองทุนส่วนการรักษาพยาบาล 3.กองทุนสำหรับการว่างงาน. และเราสามารถขอส่วนที่เป็นกองทุนในส่วนที่เราไม่ได้ใช้จาก ส่วนที่เป็นการรักษาพยาบาล ที่เราไม่ได้ใช้บริการในแต่ละป ถ้าไม่ได้ใช้สิทธิการรักษาพยาบาลเราก็สามารถขอ ในส่วนนี้คืนได้ในกรณีที่ลาออก และเมื่อสถานะการประกันลาออกจากประกันสังคมให้ขอโค๊ตการจ่ายเงินสมทบเดือนสุดท้ายและเดือนแรกเพื่อจะดำเนินการขอเงินส่วนนี้ผ่านทางเว็ปไชต์
แต่ภายหลังฉันไม่สามารถติดต่อ อ.จักราวุธ ได้. ฉันจึงปรึกษาขอคำแนะนำจากอาจารย์อีกทาง ว่าข้อมูลที่ฉันได้มาเป็นจริงหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป ”
1. คืนวันที่ 9 พ.ย.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า
“ ฉันได้ข้อมูลจากการเข้าอบรมเรื่องกฏหมายเกี่ยวกับพนักงานราชการชึ่ง ผอ.กจ.และ อ.จักราวุธ เป็นวิทยากร ให้กับครู กศน.จังหวัดร้อยเอ็ด และฉันได้โทรปรึกษากับ อ.จักราวุธ อาจารย์ก็แนะนำในเรื่องการขอเงินจากกองทุนประกันสังคม ในกรณีที่ลาออกจากประกันสังคมเนื่องจากสอบได้ครูผู้ช่วย เราสามารถขอเงินกองทุนประกันสังคม ในส่วนที่เราจ่าย 5 เปอร์เช็นแต่ละเดือน จะถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.กองทุนประกันสังคม 2.กองทุนส่วนการรักษาพยาบาล 3.กองทุนสำหรับการว่างงาน. และเราสามารถขอส่วนที่เป็นกองทุนในส่วนที่เราไม่ได้ใช้จาก ส่วนที่เป็นการรักษาพยาบาล ที่เราไม่ได้ใช้บริการในแต่ละป ถ้าไม่ได้ใช้สิทธิการรักษาพยาบาลเราก็สามารถขอ ในส่วนนี้คืนได้ในกรณีที่ลาออก และเมื่อสถานะการประกันลาออกจากประกันสังคมให้ขอโค๊ตการจ่ายเงินสมทบเดือนสุดท้ายและเดือนแรกเพื่อจะดำเนินการขอเงินส่วนนี้ผ่านทางเว็ปไชต์
แต่ภายหลังฉันไม่สามารถติดต่อ อ.จักราวุธ ได้. ฉันจึงปรึกษาขอคำแนะนำจากอาจารย์อีกทาง ว่าข้อมูลที่ฉันได้มาเป็นจริงหรือไม่ เพื่อดำเนินการต่อไป ”
ผมตอบว่า อาจจะฟังผิด.. ขอคืนค่ารักษาพยาบาลไม่ได้หรอกครับ
เพราะสำนักงานประกันสังคมเขาจ่ายเงินเหมาจ่ายส่วนของเราให้โรงพยาบาลไปทุกปีแล้ว บางคนใช้เกินบางคนใช้ไม่หมด
ถ้าคืนคนที่ใช้ไม่หมด แล้วคนที่ใช้เกินจะเอาที่ไหนมาล่ะ
สิ่งที่จะได้ตามเกณฑ์คือ ส่วนของเงินออมกรณีชราภาพ กับเงินกรณีว่างงาน ดูที่ผมเคยอธิบายเรื่องนี้ในข้อ 4 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2014/02/blog-post.html
ในส่วนของสิทธิประโยชน์ “กรณีว่างงาน” ถ้าจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือนติดต่อกัน และอายุไม่เกิน 55 ปี จะได้รับสิทธินี้ แต่ต้องไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงานกับสำนักงานจัดหางานภายใน 30 วัน นับจากวันลาออก นะ ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานจัดหางานนะ แล้วมาเบิกที่ สนง.ประกันสังคม ไม่ใช่ขึ้นทะเบียนกับ สนง.ประกันสังคม
ซึ่งจะได้เงิน 30 % ของค่าจ้างจริง ( แต่ถ้าค่าจ้างเกินเดือนละ 15,000 บาท ให้คิดค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาท คือจะได้เงินไม่เกินเดือนละ 4,500 บาท ) เป็นเวลา 90 วัน ( 3 เดือน ) รวมจะได้ไม่เกิน 13,500 บาท โดยต้องรายงานตัวเป็นผู้ว่างงานทุกเดือน
ถ้าขึ้นทะเบียนหลัง 30 วัน นับจากวันลาออก จะได้รับเงินลดลงตามวันทั้งหมดนับจากวันลาออกถึงวันขึ้นทะเบียน เช่น ถ้าขึ้นทะเบียนวันที่ 27 นับจากวันลาออก จะได้รับสิทธิเต็ม 90 วัน แต่ถ้าขึ้นทะเบียนวันที่ 32 นับจากวันลาออก จะถูกตัดสิทธิไป 31 วันเลย เหลือได้รับเงินเพียง 59 วัน และถ้าขึ้นทะเบียนช้าเกิน 3 เดือน ก็จะไม่ได้รับเงินนี้เลย แต่เกินแล้วจะขึ้นทะเบียนก็ได้ เพื่อให้สำนักงานจัดหางานเขาจัดหางานใหม่ให้เท่านั้น
ลองขึ้นทะเบียนทางเว็บไซต์กรมการจัดหางาน ที่ https://empui.doe.go.th/auth/index ก็ได้
แม้การออกจากงานเพราะหมดสัญญาแล้วไม่จ้างต่อ ก็ได้รับสิทธินี้ ยกเว้นถูกเลิกจ้างกรณีทำความผิดต่าง ๆ จึงจะไม่ได้รับสิทธินี้
สิ่งที่จะได้ตามเกณฑ์คือ ส่วนของเงินออมกรณีชราภาพ กับเงินกรณีว่างงาน ดูที่ผมเคยอธิบายเรื่องนี้ในข้อ 4 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2014/02/blog-post.html
ในส่วนของสิทธิประโยชน์ “กรณีว่างงาน” ถ้าจ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือนติดต่อกัน และอายุไม่เกิน 55 ปี จะได้รับสิทธินี้ แต่ต้องไปขึ้นทะเบียนเป็นผู้ว่างงานกับสำนักงานจัดหางานภายใน 30 วัน นับจากวันลาออก นะ ขึ้นทะเบียนกับสำนักงานจัดหางานนะ แล้วมาเบิกที่ สนง.ประกันสังคม ไม่ใช่ขึ้นทะเบียนกับ สนง.ประกันสังคม
ซึ่งจะได้เงิน 30 % ของค่าจ้างจริง ( แต่ถ้าค่าจ้างเกินเดือนละ 15,000 บาท ให้คิดค่าจ้างไม่เกิน 15,000 บาท คือจะได้เงินไม่เกินเดือนละ 4,500 บาท ) เป็นเวลา 90 วัน ( 3 เดือน ) รวมจะได้ไม่เกิน 13,500 บาท โดยต้องรายงานตัวเป็นผู้ว่างงานทุกเดือน
ถ้าขึ้นทะเบียนหลัง 30 วัน นับจากวันลาออก จะได้รับเงินลดลงตามวันทั้งหมดนับจากวันลาออกถึงวันขึ้นทะเบียน เช่น ถ้าขึ้นทะเบียนวันที่ 27 นับจากวันลาออก จะได้รับสิทธิเต็ม 90 วัน แต่ถ้าขึ้นทะเบียนวันที่ 32 นับจากวันลาออก จะถูกตัดสิทธิไป 31 วันเลย เหลือได้รับเงินเพียง 59 วัน และถ้าขึ้นทะเบียนช้าเกิน 3 เดือน ก็จะไม่ได้รับเงินนี้เลย แต่เกินแล้วจะขึ้นทะเบียนก็ได้ เพื่อให้สำนักงานจัดหางานเขาจัดหางานใหม่ให้เท่านั้น
ลองขึ้นทะเบียนทางเว็บไซต์กรมการจัดหางาน ที่ https://empui.doe.go.th/auth/index ก็ได้
แม้การออกจากงานเพราะหมดสัญญาแล้วไม่จ้างต่อ ก็ได้รับสิทธินี้ ยกเว้นถูกเลิกจ้างกรณีทำความผิดต่าง ๆ จึงจะไม่ได้รับสิทธินี้
เรื่องเงินกรณีว่างงานนี้
มีข้อมูลแตกต่างกัน คือ ท่านประกันสังคมจังหวัดท่านหนึ่งบอกว่า “ถ้าสำนักงานประกันสังคมรู้ว่าออกแล้วมีงานทำใหม่
จะไม่จ่ายให้”
แต่ สายด่วนประกันสังคม 1506 ยืนยันว่า จ่ายให้ 90 วัน แม้จะถามย้ำว่า ออกจากประกันสังคมแล้วเป็นข้าราชการต่อทันทีนะ ก็ยังยืนยันว่าจ่ายให้ 90 วัน
2. เดือนมิถุนายน 2562 จะเป็นอีกรอบหนึ่งที่ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา หมดอายุมากที่สุด
ดังนั้น ลองดูใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู/ผู้บริหาร ของตนเอง ว่าจะหมดอายุเมื่อไร ถ้าจะหมดอายุในเดือนมิถุนายน 2562
"เดือนหน้า" ธันวาคม 2561 ก็เริ่มต่ออายุได้แล้วนะ
เพราะต้องต่ออายุภายใน 180 วัน ก่อนวันหมดอายุ ถ้ารอให้หมดอายุแล้วจึงต่อ จะเสียค่าปรับเดือนละ 200 บาท เศษของเดือนคิดเป็น 1 เดือน และถ้าปล่อยให้หมดอายุครบ 5 ปี จะต่ออายุไม่ได้เลย
ตอนนี้เจ้าหน้าที่คุรุสภาจังหวัดย้ายไปอยู่ที่ สนง.ศธจ. แล้ว ไปต่ออายุที่ สนง.ศธจ.
แต่ สายด่วนประกันสังคม 1506 ยืนยันว่า จ่ายให้ 90 วัน แม้จะถามย้ำว่า ออกจากประกันสังคมแล้วเป็นข้าราชการต่อทันทีนะ ก็ยังยืนยันว่าจ่ายให้ 90 วัน
2. เดือนมิถุนายน 2562 จะเป็นอีกรอบหนึ่งที่ ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา หมดอายุมากที่สุด
ดังนั้น ลองดูใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู/ผู้บริหาร ของตนเอง ว่าจะหมดอายุเมื่อไร ถ้าจะหมดอายุในเดือนมิถุนายน 2562
"เดือนหน้า" ธันวาคม 2561 ก็เริ่มต่ออายุได้แล้วนะ
เพราะต้องต่ออายุภายใน 180 วัน ก่อนวันหมดอายุ ถ้ารอให้หมดอายุแล้วจึงต่อ จะเสียค่าปรับเดือนละ 200 บาท เศษของเดือนคิดเป็น 1 เดือน และถ้าปล่อยให้หมดอายุครบ 5 ปี จะต่ออายุไม่ได้เลย
ตอนนี้เจ้าหน้าที่คุรุสภาจังหวัดย้ายไปอยู่ที่ สนง.ศธจ. แล้ว ไปต่ออายุที่ สนง.ศธจ.
3. เย็นวันอาทิตย์ที่ 11
พ.ย.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า
ขอความรู้เกี่ยวกับการเทียบโอนหน่อย ถ้าฉันคำนวณแล้วได้ผล 2.25
เราควรให้นักเรียนเกรด 2 หรือ 2.5
และถ้าคำนวณได้ 2.75 เราควรให้เกรด
2.5 หรือ 3
ผมตอบว่า เกรดของ “แต่ละวิชา” ของเรา
ให้ปัดเศษตามหลักคณิตศาสตร์ ให้ทศนิยมเป็น .00 หรือ .50
เพราะเกรดรายวิชาจะต้องมีทศนิยมเป็น .00 หรือ .50 โดย ถ้าใกล้เลขต่ำให้ปัดลง
ถ้าใกล้เลขสูงหรือใกล้เท่ากันให้ปัดขึ้น
( ส่วน ระดับผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตร จะมีทศนิยมสองตำแหน่งเป็นเท่าไรก็ได้ ตัดตำแหน่งที่สามทิ้งเลย ไม่ปัด )
กรณีที่ถามนี้ 2.25 ใกล้ทั้ง 2.00 และใกล้ 2.50 เท่ากัน ให้ปัดขึ้นเป็น 2.50, ถ้า 2.24 ปัดลงเป็น 2.00, ถ้า 2.75 ปัดขึ้นเป็น 3.00
( ถ้าสนใจไฟล์ PowerPoint ที่ผมทำไปประกอบการบรรยายเรื่องการเทียบโอนฯ ตั้งแต่ปี 2557 ดาวน์โหลดได้ที่
https://drive.google.com/file/d/1Wz94AeyF2vWVY5e7GgB-REs5Eked06dR/view?usp=sharing )
( ส่วน ระดับผลการเรียนเฉลี่ยตลอดหลักสูตร จะมีทศนิยมสองตำแหน่งเป็นเท่าไรก็ได้ ตัดตำแหน่งที่สามทิ้งเลย ไม่ปัด )
กรณีที่ถามนี้ 2.25 ใกล้ทั้ง 2.00 และใกล้ 2.50 เท่ากัน ให้ปัดขึ้นเป็น 2.50, ถ้า 2.24 ปัดลงเป็น 2.00, ถ้า 2.75 ปัดขึ้นเป็น 3.00
( ถ้าสนใจไฟล์ PowerPoint ที่ผมทำไปประกอบการบรรยายเรื่องการเทียบโอนฯ ตั้งแต่ปี 2557 ดาวน์โหลดได้ที่
https://drive.google.com/file/d/1Wz94AeyF2vWVY5e7GgB-REs5Eked06dR/view?usp=sharing )
4. วันเดียวกัน ( 11
พ.ย.) มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า
เนื่องจากใบประกาศนียบัตร (กศน.2) ระดับ ม.ปลาย ของ กศน.อำเภอ หมด
ไม่ทราบว่าจะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
ผมตอบว่า ประกาศนียบัตร ( กศน.2 ) เป็นหลักฐานการศึกษาควบคุมและบังคับแบบ
เช่นเดียวกับ ระเบียนแสดงผลการเรียน ( กศน.1 ) จึงดำเนินการในลักษณะเดียวกัน คือ
กศน.อำเภอ ทำหนังสือไป กศน.จังหวัด ขอให้ กศน.จังหวัดดำเนินการสั่งซื้อให้
เป็นไปตามหนังสือแจ้งในภาพประกอบโพสต์นี้ ( หนังสือนี้ได้มาจากคุณ KRUSURAPEE-Jam )
เป็นไปตามหนังสือแจ้งในภาพประกอบโพสต์นี้ ( หนังสือนี้ได้มาจากคุณ KRUSURAPEE-Jam )
5. วันนี้ ( 12 พ.ย.)
มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า
“ กรณีกลุ่มเป้าหมายพิเศษ เช่นในค่ายทหาร ในเรือนจำ ในสถานพินิจ ทางกศนอำเภอมีสิทธิ์จ้างครูประจำกลุ่ม ที่เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นข้าราชการ ประจำหน่วยงานนั้นๆได้หรือเปล่า
ถ้าได้ มีระเบียบหรือคำสั่งตัวไหนที่รองรับหรือเปล่า
( เนื่องจาก การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ จาก เจ้าหน้าที่ ประจำหน่วยงานนั้นๆ ) ”
“ กรณีกลุ่มเป้าหมายพิเศษ เช่นในค่ายทหาร ในเรือนจำ ในสถานพินิจ ทางกศนอำเภอมีสิทธิ์จ้างครูประจำกลุ่ม ที่เป็นเจ้าหน้าที่ เป็นข้าราชการ ประจำหน่วยงานนั้นๆได้หรือเปล่า
ถ้าได้ มีระเบียบหรือคำสั่งตัวไหนที่รองรับหรือเปล่า
( เนื่องจาก การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก ไม่ค่อยได้รับความร่วมมือ จาก เจ้าหน้าที่ ประจำหน่วยงานนั้นๆ ) ”
เรื่องนี้ เพื่อความมั่นใจ
ผมนำคำถามไปให้สมาชิกกลุ่มไลน์ ITw NFE ช่วยกันให้ข้อมูลด้วย
แล้วผมจึงตอบว่า
กศน.จังหวัด สามารถแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการในหน่วยทหาร เรือนจำ/สถานพินิจ เป็นครูประจำกลุ่มได้ เพราะไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ห้าม ผู้ที่บอกว่าไม่ได้ เขาอาศัยระเบียบหลักเกณฑ์ใด เข้าใจว่าปัจจุบันส่วนใหญ่ก็ยังแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการในหน่วยทหาร เรือนจำ/สถานพินิจ เป็นครูประจำกลุ่ม มีเพียงส่วนน้อยที่แต่งตั้งคนนอกเข้าไปเป็นครูประจำกลุ่ม
ใน “คู่มือการจัด กศ.ตามหลักสูตร กศน.51 สำหรับเด็กและเยาวชนในกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน” ( คู่มือนี้ออกเมื่อปี 2560 ) หน้า 4 ก็ระบุว่า กศน.แต่งตั้งครูประจำกลุ่มจาก ครูสามัญหรือครูวิชาชีพหรือบุคคลอื่นที่ได้รับมอบหมาย ของกรมพินิจฯ
( ในหน่วยทหาร/เรือนจำ ก็ลักษณะเดียวกัน )
6. เย็นวันที่ 13 พ.ย.61 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ฉันทำงานอยู่ กศน. แล้วเรียนต่อ ป.บัณฑิต แล้วทีนี้เวลาฝึกสอน ฉันสามารถฝึกสอนที่ กศน.ได้ใหม
กศน.จังหวัด สามารถแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการในหน่วยทหาร เรือนจำ/สถานพินิจ เป็นครูประจำกลุ่มได้ เพราะไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ห้าม ผู้ที่บอกว่าไม่ได้ เขาอาศัยระเบียบหลักเกณฑ์ใด เข้าใจว่าปัจจุบันส่วนใหญ่ก็ยังแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หรือข้าราชการในหน่วยทหาร เรือนจำ/สถานพินิจ เป็นครูประจำกลุ่ม มีเพียงส่วนน้อยที่แต่งตั้งคนนอกเข้าไปเป็นครูประจำกลุ่ม
ใน “คู่มือการจัด กศ.ตามหลักสูตร กศน.51 สำหรับเด็กและเยาวชนในกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน” ( คู่มือนี้ออกเมื่อปี 2560 ) หน้า 4 ก็ระบุว่า กศน.แต่งตั้งครูประจำกลุ่มจาก ครูสามัญหรือครูวิชาชีพหรือบุคคลอื่นที่ได้รับมอบหมาย ของกรมพินิจฯ
( ในหน่วยทหาร/เรือนจำ ก็ลักษณะเดียวกัน )
6. เย็นวันที่ 13 พ.ย.61 มีผู้ถามผมทางอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ฉันทำงานอยู่ กศน. แล้วเรียนต่อ ป.บัณฑิต แล้วทีนี้เวลาฝึกสอน ฉันสามารถฝึกสอนที่ กศน.ได้ใหม
ผมตอบว่า ตามระเบียบ/หลักการ
สามารถฝึกปฏิบัติวิชาชีพระหว่างเรียนและปฏิบัติการสอนที่ กศน. ได้
เพราะคุรุสภากำหนดหลักเกณฑ์ว่าสถานศึกษาที่จะฝึกปฏิบัติการสอน
ต้องเป็นสถานศึกษาที่จัดการศึกษาขั้นพื้นฐานและผ่านการประเมินภายนอกจาก สมศ. ซึ่ง
กศน.ก็เข้าเกณฑ์นี้
แต่ในทางปฏิบัติ
- บางมหาวิทยาลัย ให้ ฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน. ได้ เช่น ม.นราธิวาส, ม.ราชภัฏเชียงใหม่, มรท.ราชมงคลพระนคร, ม.ราชภัฏเพชรบุรี, ม.ราชภัฏเชียงราย, ม.ราชภัฏนครราชสีมา, วิทยาลัยสันตพล, ม.เชนต์จอห์น, ม.ราชภัฏร้อยเอ็ด
- บางมหาวิทยาลัย ไม่ให้ ฝึกปฎิบัติการสอนที่ กศน. เช่น ม.ราชภัฏเทพสตรี, ม.ราชภัฏนครปฐม, ม.ราชภัฏเพชรบูรณ์, ม.ราชภัฏสวนดุสิต, ม.ราชภัฏศรีษะเกษ
สาเหตุที่บางมหาวิทยาลัย ไม่ให้ ฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน. เพราะเขารับไม่ได้ในเรื่องปกติของเรา คือ สอนไม่ตรงตาม ตาราง/เวลาสอน ไม่ตรงแผนการสอน ทำให้เขาเสียเวลามานิเทศเก้อ
การนิเทศส่วนใหญ่จะแจ้งแผนล่วงหน้า แต่ บางมหาวิทยาลัยทำแผนนิเทศบอกช่วงนิเทศกว้างหลายวันโดยไม่ระบุรายละเอียดว่าวันใดไปที่ใด อย่างไรก็ตามอาจารย์นิเทศก็มักโทร.บอกล่วงหน้า แต่อาจารย์นิเทศบางท่านไม่บอกล่วงหน้า ( อาจารย์นิเทศจะไม่มีเวลามานิเทศในวันเสาร์อาทิตย์ )
เรื่องนิเทศการฝึกปฏิบัติการสอน เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการเรียน ป.บัณฑิต ดังจะเห็นได้จาก คุรุสภากำหนดโควตาให้มหาวิทยาลัยรับผู้เรียน ป.บัณฑิตได้ตามจำนวนอาจารย์ที่จะไปนิเทศนี่แหละ คือถ้ามหาวิทยาลัยไหนมีอาจารย์นิเทศ 1 คน ก็ให้รับผู้เรียน ป.บัณฑิตได้ครั้งละ 10 คน ถ้ามีอาจารย์นิเทศ 10 คน ก็รับได้ครั้งละ 100 คน
นักศึกษา กศน.เรา ก็มาไม่ค่อยตรงเวลา ตารางสอนระบุเริ่ม 9.00 น. แต่ 9.30 น.แล้ว นักศึกษาเพิ่งมาครึ่งเดียว
สรุปคือ ตามระเบียบ/หลักการนั้น สามารถฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน.ได้ ถ้ามหาวิทยาลัยใดไม่ให้ฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน. และ เรามั่นใจว่าจะสอนตรงตาม ตารางสอน/เวลาสอน/แผนการสอน ได้ ก็เจรจากับมหาวิทยาลัย ถ้ามหาวิทยาลัยยอมให้ฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน.แล้ว ก็พยายามรักษาไว้ โดยสอนให้ตรงตาม ตารางสอน/เวลาสอน/แผนการสอน ไม่ให้อาจารย์มานิเทศเก้อ
( ปกติตารางสอน กศน.ที่ส่งมหาวิทยาลัย ต้องระบุชั่วโมงสอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 10-12 ชม. ครูจึงมีสิทธิ์สมัครเรียน ป.บัณฑิต แต่ถ้าครู กศน.ไปฝึกปฏิบัติการสอนที่โรงเรียน สพฐ. ในส่วนตารางสอนที่ สพฐ.ต้องระบุชั่วโมงสอนอีกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 6-8 ชั่วโมง )
7. วันที่ 14 พ.ย.61 มีผู้ถามผมทางไลน์ ว่า กรณีที่นักศึกษาเรียนครบตามหน่วยกิต แต่ขาดสอบ n-net และ กพช.ไม่ครบ จะต้องลงทะเบียนหรือจะทำยังไง
แต่ในทางปฏิบัติ
- บางมหาวิทยาลัย ให้ ฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน. ได้ เช่น ม.นราธิวาส, ม.ราชภัฏเชียงใหม่, มรท.ราชมงคลพระนคร, ม.ราชภัฏเพชรบุรี, ม.ราชภัฏเชียงราย, ม.ราชภัฏนครราชสีมา, วิทยาลัยสันตพล, ม.เชนต์จอห์น, ม.ราชภัฏร้อยเอ็ด
- บางมหาวิทยาลัย ไม่ให้ ฝึกปฎิบัติการสอนที่ กศน. เช่น ม.ราชภัฏเทพสตรี, ม.ราชภัฏนครปฐม, ม.ราชภัฏเพชรบูรณ์, ม.ราชภัฏสวนดุสิต, ม.ราชภัฏศรีษะเกษ
สาเหตุที่บางมหาวิทยาลัย ไม่ให้ ฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน. เพราะเขารับไม่ได้ในเรื่องปกติของเรา คือ สอนไม่ตรงตาม ตาราง/เวลาสอน ไม่ตรงแผนการสอน ทำให้เขาเสียเวลามานิเทศเก้อ
การนิเทศส่วนใหญ่จะแจ้งแผนล่วงหน้า แต่ บางมหาวิทยาลัยทำแผนนิเทศบอกช่วงนิเทศกว้างหลายวันโดยไม่ระบุรายละเอียดว่าวันใดไปที่ใด อย่างไรก็ตามอาจารย์นิเทศก็มักโทร.บอกล่วงหน้า แต่อาจารย์นิเทศบางท่านไม่บอกล่วงหน้า ( อาจารย์นิเทศจะไม่มีเวลามานิเทศในวันเสาร์อาทิตย์ )
เรื่องนิเทศการฝึกปฏิบัติการสอน เป็นเรื่องสำคัญที่สุดของการเรียน ป.บัณฑิต ดังจะเห็นได้จาก คุรุสภากำหนดโควตาให้มหาวิทยาลัยรับผู้เรียน ป.บัณฑิตได้ตามจำนวนอาจารย์ที่จะไปนิเทศนี่แหละ คือถ้ามหาวิทยาลัยไหนมีอาจารย์นิเทศ 1 คน ก็ให้รับผู้เรียน ป.บัณฑิตได้ครั้งละ 10 คน ถ้ามีอาจารย์นิเทศ 10 คน ก็รับได้ครั้งละ 100 คน
นักศึกษา กศน.เรา ก็มาไม่ค่อยตรงเวลา ตารางสอนระบุเริ่ม 9.00 น. แต่ 9.30 น.แล้ว นักศึกษาเพิ่งมาครึ่งเดียว
สรุปคือ ตามระเบียบ/หลักการนั้น สามารถฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน.ได้ ถ้ามหาวิทยาลัยใดไม่ให้ฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน. และ เรามั่นใจว่าจะสอนตรงตาม ตารางสอน/เวลาสอน/แผนการสอน ได้ ก็เจรจากับมหาวิทยาลัย ถ้ามหาวิทยาลัยยอมให้ฝึกปฏิบัติการสอนที่ กศน.แล้ว ก็พยายามรักษาไว้ โดยสอนให้ตรงตาม ตารางสอน/เวลาสอน/แผนการสอน ไม่ให้อาจารย์มานิเทศเก้อ
( ปกติตารางสอน กศน.ที่ส่งมหาวิทยาลัย ต้องระบุชั่วโมงสอนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 10-12 ชม. ครูจึงมีสิทธิ์สมัครเรียน ป.บัณฑิต แต่ถ้าครู กศน.ไปฝึกปฏิบัติการสอนที่โรงเรียน สพฐ. ในส่วนตารางสอนที่ สพฐ.ต้องระบุชั่วโมงสอนอีกอย่างน้อยสัปดาห์ละ 6-8 ชั่วโมง )
7. วันที่ 14 พ.ย.61 มีผู้ถามผมทางไลน์ ว่า กรณีที่นักศึกษาเรียนครบตามหน่วยกิต แต่ขาดสอบ n-net และ กพช.ไม่ครบ จะต้องลงทะเบียนหรือจะทำยังไง
ผมตอบว่า ก็ให้เขาสอบ N-NET และทำ
กพช.จนกว่าจะครบ
ถ้าไม่ทิ้งไว้เกิน 6 เทอม หรือรวมเวลาตั้งแต่ได้ผลการเรียนวิชาแรกเกิน 10 เทอม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าจะทำไม่เสร็จใน 6 เทอม ต้องให้เขาลงทะเบียนรักษาสถานภาพไว้ด้วย เพราะการบันทึกภาคเรียนที่สอบ N-NET และการบันทึกชั่วโมง กพช.ในภาคเรียนใด โปรแกรม ITw ไม่ได้ถือว่าเป็นการลงทะเบียน/รักษาสถานสภาพ
ถ้าไม่ทิ้งไว้เกิน 6 เทอม หรือรวมเวลาตั้งแต่ได้ผลการเรียนวิชาแรกเกิน 10 เทอม ก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้าจะทำไม่เสร็จใน 6 เทอม ต้องให้เขาลงทะเบียนรักษาสถานภาพไว้ด้วย เพราะการบันทึกภาคเรียนที่สอบ N-NET และการบันทึกชั่วโมง กพช.ในภาคเรียนใด โปรแกรม ITw ไม่ได้ถือว่าเป็นการลงทะเบียน/รักษาสถานสภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย