สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 7 เรื่อง ดังนี้
1. วันที่ 14 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบล็อกเฟซบุ๊ก ว่า การแต่งกายชุดผู้หญิงสีกากี ของพนักงานราชการ ครู กศน.ตำบล แบบคอแบะปล่อยเอว ต้องใส่อินทนูไหม มีคนว่าแต่งกายผิดระเบียบค่ะ
1. วันที่ 14 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบล็อกเฟซบุ๊ก ว่า การแต่งกายชุดผู้หญิงสีกากี ของพนักงานราชการ ครู กศน.ตำบล แบบคอแบะปล่อยเอว ต้องใส่อินทนูไหม มีคนว่าแต่งกายผิดระเบียบค่ะ
ผมตอบว่า เครื่องแบบพนักงานราชการ กศน.สีกากี
ติดอินทรธนู 2 ขีด ( ถ้าติด 3 ขีดผิด )
ระเบียบเครื่องแบบพนักงานราชการ กศน.สีกากี หญิง จะมีเสื้อ 2 แบบ คือแบบคอตั้ง กับแบบคอแบะปล่อยเอว ติดอินทรธนูได้ทั้ง 2 แบบ แต่ของ ชาย จะมีเสื้อแบบคอตั้งเพียงแบบเดียว
ดูระเบียบได้ที่ https://www.dropbox.com/s/4c70t0n8ldwv6mx/formPRGnfe.pdf?dl=1
2. เช้าวันเสาร์ที่ 17 มี.ค.61 มีผู้โพสต์ภาพประกาศ ในกลุ่มไลน์แชร์เข้มกศน. ว่า ผู้ให้ผู้อื่นมาสอบ และผู้มาสอบแทน มีความผิด จำคุก 1 ปี 6 เดือน
ระเบียบเครื่องแบบพนักงานราชการ กศน.สีกากี หญิง จะมีเสื้อ 2 แบบ คือแบบคอตั้ง กับแบบคอแบะปล่อยเอว ติดอินทรธนูได้ทั้ง 2 แบบ แต่ของ ชาย จะมีเสื้อแบบคอตั้งเพียงแบบเดียว
ดูระเบียบได้ที่ https://www.dropbox.com/s/4c70t0n8ldwv6mx/formPRGnfe.pdf?dl=1
2. เช้าวันเสาร์ที่ 17 มี.ค.61 มีผู้โพสต์ภาพประกาศ ในกลุ่มไลน์แชร์เข้มกศน. ว่า ผู้ให้ผู้อื่นมาสอบ และผู้มาสอบแทน มีความผิด จำคุก 1 ปี 6 เดือน
ผมเห็นว่าน่าสนใจ
เป็นการป้องปรามไม่ให้มีการทุจริต เพื่อคุณภาพการศึกษา แต่ผมก็สงสัยอยากรู้
จึงถามว่า ใช้กฎหมายใดมาตราไหน
ผู้โพสต์ไม่ได้ตอบ แต่มีผู้อื่นนำ
- ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ พ.ศ. 2548 กับ
- ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548
มาโพสต์
ผมบอกว่า ถูกต้อง การลงโทษผู้เข้าสอบของเรา ที่ทำความผิด ต้องยึดระเบียบ 2 ฉบับนี้เป็นหลัก
สถานศึกษาอาจจะกำหนดรายละเอียดการลงโทษไว้ในระเบียบสถานศึกษาอีกก็ได้ แต่จะกำหนดเกินอำนาจของ ผอ.สถานศึกษา เช่นให้จำคุก ไม่ได้
ผู้โพสต์ไม่ได้ตอบ แต่มีผู้อื่นนำ
- ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการปฏิบัติของผู้เข้าสอบ พ.ศ. 2548 กับ
- ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการ ว่าด้วยการลงโทษนักเรียนและนักศึกษา พ.ศ. 2548
มาโพสต์
ผมบอกว่า ถูกต้อง การลงโทษผู้เข้าสอบของเรา ที่ทำความผิด ต้องยึดระเบียบ 2 ฉบับนี้เป็นหลัก
สถานศึกษาอาจจะกำหนดรายละเอียดการลงโทษไว้ในระเบียบสถานศึกษาอีกก็ได้ แต่จะกำหนดเกินอำนาจของ ผอ.สถานศึกษา เช่นให้จำคุก ไม่ได้
ส่วนกรณี
การลงโทษกรรมการดำเนินการสอบที่บกพร่อง/รู้เห็นการทุจริต
ต้องอาศัยระเบียบกระทรวงอีกฉบับที่เกี่ยวกับการคุมสอบ ซึ่งให้ลงโทษทางวินัย
ด้วยเหตุนี้ท่านอดีต
ผอ.กจ.กศน.จึงสรุปว่าการแต่งตั้งกรรมการคุมสอบต้องแต่งตั้งบุคคลที่ทางราชการสามารถลงโทษได้
คือมีหน่วยราชการเป็นต้นสังกัด จะแต่งตั้งชาวบ้านทั่วไปไม่ได้
แม้แต่ผู้รับบำนาญก็ตั้งไม่ได้เพราะพ้นจากราชการแล้วต้นสังกัดเดิมสั่งลงโทษผู้รับบำนาญไม่ได้แล้ว
ถ้าผู้รับบำนาญทำความผิดก็เป็นเรื่องของกฎหมายบ้านเมือง
เว้นแต่จะทำความผิดไว้ตั้งแต่ก่อนเกษียณจึงจะสามารถลงโทษย้อนหลังแม้เกษียณแล้วได้
3. คืนวันเสาร์ที่ 17 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า จังหวัดมีหนังสือให้ไปประชุมที่จังหวัดแต่ในหนังสือไม่ได้บอกว่าให้เบิกจ่ายค่าเดินทางไปราชการ เราสามารถเบิกจ่ายค่าเดินทางไปราชการได้ไหม
3. คืนวันเสาร์ที่ 17 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า จังหวัดมีหนังสือให้ไปประชุมที่จังหวัดแต่ในหนังสือไม่ได้บอกว่าให้เบิกจ่ายค่าเดินทางไปราชการ เราสามารถเบิกจ่ายค่าเดินทางไปราชการได้ไหม
ผมตอบว่า ถ้าเป็นการ "เดินทางไปราชการ"
นอกรั้วสำนักงาน ก็สามารถเบิกจ่ายค่าเดินทางได้ ถ้า
ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปราชการ+รวมเวลาเดินทางครบตามเกณฑ์+มีงบให้เบิก+ผู้บริหารอนุมัติให้เบิก
4. คืนวันที่ 16 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า เรื่องการจ่ายค่าตอบแทนคุมสอบปลายภาคครู.ศรช. ในวันที่17-18มีนาคมนี้ ครู.ศรช.สามารถรับค่าตอบแทนได้แค่วันเดียวคือวันที่17..ใช่ไหม ส่วนวันที่18จะไม่ได้รับเนื่องจากเปนวันปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างเหมา
ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปราชการ+รวมเวลาเดินทางครบตามเกณฑ์+มีงบให้เบิก+ผู้บริหารอนุมัติให้เบิก
4. คืนวันที่ 16 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า เรื่องการจ่ายค่าตอบแทนคุมสอบปลายภาคครู.ศรช. ในวันที่17-18มีนาคมนี้ ครู.ศรช.สามารถรับค่าตอบแทนได้แค่วันเดียวคือวันที่17..ใช่ไหม ส่วนวันที่18จะไม่ได้รับเนื่องจากเปนวันปฏิบัติงานตามสัญญาจ้างเหมา
ผมตอบว่า เสิร์ชหาดูในที่ผมเคยโพสต์แล้วนะ
ผมเพิ่งโพสต์เมื่อต้นเดือนนี้เองว่า “ถ้าบุคลากรสังกัด กศน.ดำเนินการสอบนอกวันราชการของเขาก็เบิกได้เต็ม”
ผมโพสต์มีคำว่า “เต็ม” ด้วย เพราะผมยังติดกับตำนานค่าคุมสอบ คือเราเคยใช้ระเบียบกระทรวงการคลังปี 2534 ซึ่งกำหนดอัตราค่าคุมสอบในวันทำงาน เบิกได้ครึ่งหนึ่งของอัตราค่าคุมสอบในวันหยุด ( ระเบียบกระทรวงการคลังนี้ แม้จะคุมสอบในวันทำงานก็เบิกได้นะ แต่เบิกได้ไม่เต็ม ผมติดคำว่า เต็ม มาจากระเบียบนี้ )
ผมเพิ่งโพสต์เมื่อต้นเดือนนี้เองว่า “ถ้าบุคลากรสังกัด กศน.ดำเนินการสอบนอกวันราชการของเขาก็เบิกได้เต็ม”
ผมโพสต์มีคำว่า “เต็ม” ด้วย เพราะผมยังติดกับตำนานค่าคุมสอบ คือเราเคยใช้ระเบียบกระทรวงการคลังปี 2534 ซึ่งกำหนดอัตราค่าคุมสอบในวันทำงาน เบิกได้ครึ่งหนึ่งของอัตราค่าคุมสอบในวันหยุด ( ระเบียบกระทรวงการคลังนี้ แม้จะคุมสอบในวันทำงานก็เบิกได้นะ แต่เบิกได้ไม่เต็ม ผมติดคำว่า เต็ม มาจากระเบียบนี้ )
ที่มาที่ไปของค่าคุมสอบคือ
กระทรวงการคลังไม่ได้ออกระเบียบว่าด้วยการจ่ายเงินเกี่ยวกับการสอบปลายภาคไว้โดยเฉพาะ
( อาจเป็นเพราะว่าการสอบปลายภาคในโรงเรียนไม่ได้จ่ายเงิน มีแต่ของ กศน. ที่จ่ายเงิน )
แต่มี “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลเกี่ยวกับการสอบ พ.ศ.2534”
ระเบียบนี้กำหนดไว้ในข้อ 8 ของระเบียบว่า
”ข้อ 8 เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบให้ได้เงินรางวัล ดังนี้
(1) ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงในวันทำการปกติวันละ 50 บาท
(2) ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงในวันทำการปกติวันละ 100 บาท
(3) ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงในวันหยุดราชการวันละ 100 บาท
(4) ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงในวันหยุดราชการ วันละ 200 บาท
ข้าราชการที่ได้รับเงินรางวัลตามวรรคแรก ให้งดเบิกจ่ายค่าอาหารทำการนอกเวลาตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินค่าอาหารทำการนอกเวลา”
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (กรมการศึกษานอกโรงเรียน) จึงขออนุมัติกรมบัญชีกลาง ขอใช้ระเบียบนี้ ในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนกรรมการและเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบในการจัดการศึกษานอกโรงเรียนสายสามัญโดยอนุโลม
เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว กศน. ก็แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและสถานศึกษาในสังกัด ตามหนังสือที่ ศธ 1106/5409 ลงวันที่ 16 ส.ค. 36 โดยแจ้งเหมือนข้อ 8. ของระเบียบนี้
( แต่พวกเรามาดัดแปลงกันเอง เช่นวันหนึ่งสอบ 3 วิชา ถ้าคุมสอบวิชาเดียวจ่าย 100 บาท ถ้าใครคุมสอบสองวิชาขึ้นไปจ่าย 200 บาท ทั้ง ๆ ที่ ในหนังสือ กศน. กำหนดตามข้อ 8. คือระบุจำนวนชั่วโมงไม่ใช่จำนวนวิชา )
( อาจเป็นเพราะว่าการสอบปลายภาคในโรงเรียนไม่ได้จ่ายเงิน มีแต่ของ กศน. ที่จ่ายเงิน )
แต่มี “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินรางวัลเกี่ยวกับการสอบ พ.ศ.2534”
ระเบียบนี้กำหนดไว้ในข้อ 8 ของระเบียบว่า
”ข้อ 8 เจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบให้ได้เงินรางวัล ดังนี้
(1) ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงในวันทำการปกติวันละ 50 บาท
(2) ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงในวันทำการปกติวันละ 100 บาท
(3) ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงในวันหยุดราชการวันละ 100 บาท
(4) ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงในวันหยุดราชการ วันละ 200 บาท
ข้าราชการที่ได้รับเงินรางวัลตามวรรคแรก ให้งดเบิกจ่ายค่าอาหารทำการนอกเวลาตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายเงินค่าอาหารทำการนอกเวลา”
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (กรมการศึกษานอกโรงเรียน) จึงขออนุมัติกรมบัญชีกลาง ขอใช้ระเบียบนี้ ในการเบิกจ่ายค่าตอบแทนกรรมการและเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบในการจัดการศึกษานอกโรงเรียนสายสามัญโดยอนุโลม
เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว กศน. ก็แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดและสถานศึกษาในสังกัด ตามหนังสือที่ ศธ 1106/5409 ลงวันที่ 16 ส.ค. 36 โดยแจ้งเหมือนข้อ 8. ของระเบียบนี้
( แต่พวกเรามาดัดแปลงกันเอง เช่นวันหนึ่งสอบ 3 วิชา ถ้าคุมสอบวิชาเดียวจ่าย 100 บาท ถ้าใครคุมสอบสองวิชาขึ้นไปจ่าย 200 บาท ทั้ง ๆ ที่ ในหนังสือ กศน. กำหนดตามข้อ 8. คือระบุจำนวนชั่วโมงไม่ใช่จำนวนวิชา )
ต่อมา
กระทรวงการคลังได้ยกเลิกระเบียบกระทรวงการคลังนี้ และให้ใช้ “ระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายค่าตอบแทนการสอบ
พ.ศ.2549” แทน
ระเบียบปี 49 นี้ กำหนดในส่วนของเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบ ไว้ในบัญชีหมายเลข 2 ข้อ 4 ว่า การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย หรือเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบ ให้ได้รับเงินค่าตอบแทน ดังนี้
4.1 ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงในวันทำการปกติ ไม่เกิน 100 บาทต่อวัน
4.2 ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงในวันทำการปกติ ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน
4.3 ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงในวันหยุดราชการ ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน
4.4 ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงในวันหยุดราชการ ไม่เกิน 400 บาทต่อวัน
ระเบียบปี 49 นี้ กำหนดในส่วนของเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบ ไว้ในบัญชีหมายเลข 2 ข้อ 4 ว่า การทดสอบสมรรถภาพร่างกาย หรือเจ้าหน้าที่ดำเนินการสอบ ให้ได้รับเงินค่าตอบแทน ดังนี้
4.1 ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงในวันทำการปกติ ไม่เกิน 100 บาทต่อวัน
4.2 ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงในวันทำการปกติ ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน
4.3 ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 3 ชั่วโมงในวันหยุดราชการ ไม่เกิน 200 บาทต่อวัน
4.4 ปฏิบัติงานไม่น้อยกว่า 6 ชั่วโมงในวันหยุดราชการ ไม่เกิน 400 บาทต่อวัน
สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ
(กรมการศึกษานอกโรงเรียน) จึงต้องขออนุมัติกรมบัญชีกลาง อีกครั้ง
ขอเบิกจ่ายตามหลักเกณฑ์และอัตราในระเบียบใหม่
คือระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจ่ายค่าตอบแทนการสอบ พ.ศ.2549 โดยอนุโลม
เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว สำนักบริหารงาน กศน. ก็แจ้งสถานศึกษาในสังกัด ตามหนังสือที่ ศธ 0210.117/5749 ลงวันที่ 11 ต.ค.49 ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ )
เมื่อกระทรวงการคลังออกระเบียบใหม่ปรับเพิ่มอัตรา เราก็ขออนุฒัติใช้ระเบียบใหม่อีก จน กรมบัญชีกลางแจ้งว่า “ให้ส่วนราชการเป็นผู้กำหนดระเบียบภายในได้โดยไม่ต้องขอตกลงกับกระทรวงการคลัง” สำนักงาน กศน.จึงกำหนดรายการค่าใช้จ่ายเองตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2/52 เป็นต้นมา และแจ้งทุกจังหวัด ตามหนังสือสำนักงาน กศน.ที่ ศธ 0210.117/4514 ลว.3 ธ.ค.52 ( ดูหนังสือฉบับนี้ได้ในข้อ 1 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/481090 )
รายการค่าใช้จ่ายที่สำนักงาน กศน.กำหนดเองนี้ ไม่พูดถึงการคุมสอบในวันหยุด วันทำงาน แล้ว ( ไม่มีเบิกเต็ม ไม่เต็ม แล้ว )
เมื่อไม่พูดถึง ก็คงต้องยึดตามหลักของระบบราชการเรา คือ
“ถ้าบุคลากรสังกัด กศน.ดำเนินการสอบในวันราชการของเขา ก็เบิกไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม วันเวลาทำงานของแต่ละคนในหน่วยงานเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ข้าราชการทั่วไปอาจทำงานวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนครู กศน.อาจทำงานวันอาทิตย์-พฤหัสบดี หยุดวันศุกร์เสาร์ ( ในช่วงวิกฤติการจราจร เวลาทำงานของบุคลากรใน กทม.บางคนเริ่ม 8.00 น. บางคนเริ่ม 9.00 น. )
ถ้าวันทำงานของใครเป็นวันอาทิตย์-พฤหัสบดี และเป็นกรรมการดำเนินการสอบวันอาทิตย์ก็เบิกเงินไม่ได้
แต่บางอำเภอ ระหว่างภาคให้ครู กศน.ทำงานวันอาทิตย์-พฤหัสบดี แต่พอพบกลุ่มวันสุดท้ายเสร็จ ก็เปลี่ยนให้ครู กศน.มาทำงานวันศุกร์ หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ทันที แบบนี้การคุมสอบวันอาทิตย์ก็เบิกได้
แต่ ถ้าในสัญญาจ้าง-คำสั่งจ้าง ที่จังหวัดทำไว้ ระบุไว้ชัดเจนว่าให้ปฏิบัติงานในวันอาทิตย์ด้วย แบบนี้ก็จะเปลี่ยนไม่ได้
หรือแม้สัญญาจ้าง-คำสั่งจ้าง ระบุไม่ชัดเจน แต่ ผอ.ยังให้หยุดวันศุกร์ทำงานวันอาทิตย์ในช่วงปิดเทอมอยู่เหมือนเดิม ก็เบิกค่าตอบแทนกรรมการดำเนินการสอบวันอาทิตย์ไม่ได้
เมื่อได้รับอนุมัติแล้ว สำนักบริหารงาน กศน. ก็แจ้งสถานศึกษาในสังกัด ตามหนังสือที่ ศธ 0210.117/5749 ลงวันที่ 11 ต.ค.49 ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ )
เมื่อกระทรวงการคลังออกระเบียบใหม่ปรับเพิ่มอัตรา เราก็ขออนุฒัติใช้ระเบียบใหม่อีก จน กรมบัญชีกลางแจ้งว่า “ให้ส่วนราชการเป็นผู้กำหนดระเบียบภายในได้โดยไม่ต้องขอตกลงกับกระทรวงการคลัง” สำนักงาน กศน.จึงกำหนดรายการค่าใช้จ่ายเองตั้งแต่ภาคเรียนที่ 2/52 เป็นต้นมา และแจ้งทุกจังหวัด ตามหนังสือสำนักงาน กศน.ที่ ศธ 0210.117/4514 ลว.3 ธ.ค.52 ( ดูหนังสือฉบับนี้ได้ในข้อ 1 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/481090 )
รายการค่าใช้จ่ายที่สำนักงาน กศน.กำหนดเองนี้ ไม่พูดถึงการคุมสอบในวันหยุด วันทำงาน แล้ว ( ไม่มีเบิกเต็ม ไม่เต็ม แล้ว )
เมื่อไม่พูดถึง ก็คงต้องยึดตามหลักของระบบราชการเรา คือ
“ถ้าบุคลากรสังกัด กศน.ดำเนินการสอบในวันราชการของเขา ก็เบิกไม่ได้”
อย่างไรก็ตาม วันเวลาทำงานของแต่ละคนในหน่วยงานเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องเหมือนกัน ข้าราชการทั่วไปอาจทำงานวันจันทร์-ศุกร์ ส่วนครู กศน.อาจทำงานวันอาทิตย์-พฤหัสบดี หยุดวันศุกร์เสาร์ ( ในช่วงวิกฤติการจราจร เวลาทำงานของบุคลากรใน กทม.บางคนเริ่ม 8.00 น. บางคนเริ่ม 9.00 น. )
ถ้าวันทำงานของใครเป็นวันอาทิตย์-พฤหัสบดี และเป็นกรรมการดำเนินการสอบวันอาทิตย์ก็เบิกเงินไม่ได้
แต่บางอำเภอ ระหว่างภาคให้ครู กศน.ทำงานวันอาทิตย์-พฤหัสบดี แต่พอพบกลุ่มวันสุดท้ายเสร็จ ก็เปลี่ยนให้ครู กศน.มาทำงานวันศุกร์ หยุดวันเสาร์-อาทิตย์ทันที แบบนี้การคุมสอบวันอาทิตย์ก็เบิกได้
แต่ ถ้าในสัญญาจ้าง-คำสั่งจ้าง ที่จังหวัดทำไว้ ระบุไว้ชัดเจนว่าให้ปฏิบัติงานในวันอาทิตย์ด้วย แบบนี้ก็จะเปลี่ยนไม่ได้
หรือแม้สัญญาจ้าง-คำสั่งจ้าง ระบุไม่ชัดเจน แต่ ผอ.ยังให้หยุดวันศุกร์ทำงานวันอาทิตย์ในช่วงปิดเทอมอยู่เหมือนเดิม ก็เบิกค่าตอบแทนกรรมการดำเนินการสอบวันอาทิตย์ไม่ได้
5. ด่วน..
เปลี่ยนแปลงอัตราการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนใหม่ ตั้งแต่ 20
มี.ค.61
ดูหนังสือแจ้งที่ https://www.dropbox.com/s/7b4k52vjo4xphsv/Udnhun61.pdf?dl=1
มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ( การซื้อการจ้าง ให้ดำเนินการตามระเบียบพัสดุ )
1) เพิ่มรายการอัตราค่าซื้อเครื่องแบบลูกเสือวิสามัญและเครื่องแบบอาสายุวกาชาด สำหรับให้ นศ.ยืมใช้ สถานศึกษาละไม่เกิน 40 ชุด ( ถ้าชำรุด จำหน่ายจากทะเบียน ตามระเบียบพัสดุ แล้วซื้อทดแทนใหม่ได้ )
- ค่าเครื่องแบบลูกเสือวิสามัญ พร้อมเครื่องหมายประกอบ ชุดละไม่เกิน 1,500 บาท
- ค่าเครื่องแบบอาสายุวกาชาด พร้อมเครื่องหมายประกอบ ชุดละไม่เกิน 400 บาท
2) ค่าใช้สถานที่ ให้พิจารณาสถานที่หน่วยงานของรัฐเป็นอันดับแรก
3) ค่าตอบแทนวิทยากรเป็นคณะ ชม.ละไม่เกิน 1,200 บาท ( เดิมไม่เกิน 600 บาท )
4) ระบุในส่วนของการแข่งขันกีฬาระดับอำเภอ/เขต ดังนี้
- ตัดค่าจ้างเหมายานพาหนะออก
- ตัดค่าพลุ-ดอกไม้ไฟออก ลดค่าใช้จ่ายในพิธีเปิดปิด จากไม่เกิน 30,000 เหลือไม่เกิน 10,000 บาท
- ลดค่าวัสดุและเครื่องแต่งกายขบวนพาเหรด จากไม่เกิน 3,000 เหลือไม่เกิน 1,000 บาท
- ตัดค่าที่พักออก
5) เพิ่มอัตราการเบิก ในการแข่งขันกีฬาระดับจังหวัด และระดับภาคขึ้นไป จำนวนระดับละ 11 รายการ
ดูหนังสือแจ้งที่ https://www.dropbox.com/s/7b4k52vjo4xphsv/Udnhun61.pdf?dl=1
มีการเปลี่ยนแปลงดังนี้ ( การซื้อการจ้าง ให้ดำเนินการตามระเบียบพัสดุ )
1) เพิ่มรายการอัตราค่าซื้อเครื่องแบบลูกเสือวิสามัญและเครื่องแบบอาสายุวกาชาด สำหรับให้ นศ.ยืมใช้ สถานศึกษาละไม่เกิน 40 ชุด ( ถ้าชำรุด จำหน่ายจากทะเบียน ตามระเบียบพัสดุ แล้วซื้อทดแทนใหม่ได้ )
- ค่าเครื่องแบบลูกเสือวิสามัญ พร้อมเครื่องหมายประกอบ ชุดละไม่เกิน 1,500 บาท
- ค่าเครื่องแบบอาสายุวกาชาด พร้อมเครื่องหมายประกอบ ชุดละไม่เกิน 400 บาท
2) ค่าใช้สถานที่ ให้พิจารณาสถานที่หน่วยงานของรัฐเป็นอันดับแรก
3) ค่าตอบแทนวิทยากรเป็นคณะ ชม.ละไม่เกิน 1,200 บาท ( เดิมไม่เกิน 600 บาท )
4) ระบุในส่วนของการแข่งขันกีฬาระดับอำเภอ/เขต ดังนี้
- ตัดค่าจ้างเหมายานพาหนะออก
- ตัดค่าพลุ-ดอกไม้ไฟออก ลดค่าใช้จ่ายในพิธีเปิดปิด จากไม่เกิน 30,000 เหลือไม่เกิน 10,000 บาท
- ลดค่าวัสดุและเครื่องแต่งกายขบวนพาเหรด จากไม่เกิน 3,000 เหลือไม่เกิน 1,000 บาท
- ตัดค่าที่พักออก
5) เพิ่มอัตราการเบิก ในการแข่งขันกีฬาระดับจังหวัด และระดับภาคขึ้นไป จำนวนระดับละ 11 รายการ
6. วันที่
23 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า
เส้นทางความก้าวหน้าในอาชีพ พวก38ค(2)ในสนง.จังหวัด การขอใบประกอบผู้บริหารฯ
มีเกณท์ยังไงบ้างนอกจากจบบริหารการศึกษาที่คุรุสภารับรอง
เพราะจากการติดต่อสอบถามจนท.คุรุสภาตอบไม่เคยตรงกันสักที
ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนและข้อสงสัยในการปฏิบัติ
จนท.คุรุสภา จะบอกแค่ว่าเราไม่มีหน้าที่สอนไปสอนได้ไง เราบอกช่วยสอนและต้องการความก้าวหน้าในสาขาวิชาชีพเลยต้องทำตามคุณลักษณะที่คุรุสภากำหนด ครั้งล่าสุดบอกว่าถ้ามีคำสั่งให้เป็นหัวหน้างานฯจะลดลงจาก 7 ปี เหลือ5ปี ต้องสอนต่อเนื่องอย่างต่ำ5ปีการศึกษา โดยไม่มีอะไรการันตีว่าพอถึง5ปีจาก7ปีแล้วจะเปลี่ยนเกณไปเป็นแบบไหนอีก
จึงอยากถามในเรื่องนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก้ข้าราชการ38ค(2) ในเรื่องการขอใบประกอบต่างๆที่ทางคุรุสภากำหนด
จนท.คุรุสภา จะบอกแค่ว่าเราไม่มีหน้าที่สอนไปสอนได้ไง เราบอกช่วยสอนและต้องการความก้าวหน้าในสาขาวิชาชีพเลยต้องทำตามคุณลักษณะที่คุรุสภากำหนด ครั้งล่าสุดบอกว่าถ้ามีคำสั่งให้เป็นหัวหน้างานฯจะลดลงจาก 7 ปี เหลือ5ปี ต้องสอนต่อเนื่องอย่างต่ำ5ปีการศึกษา โดยไม่มีอะไรการันตีว่าพอถึง5ปีจาก7ปีแล้วจะเปลี่ยนเกณไปเป็นแบบไหนอีก
จึงอยากถามในเรื่องนี้เพื่อเป็นประโยชน์แก้ข้าราชการ38ค(2) ในเรื่องการขอใบประกอบต่างๆที่ทางคุรุสภากำหนด
ผมตอบว่า ที่ว่าลดการสอนจาก 7 ปี เหลือ 5 ปี
ถ้ามีคำสั่งให้เป็นหัวหน้างาน นั้น คงเข้าใจผิด
ที่ถูกคือ ไม่ใช่ 7 ปี แต่ให้มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนในสถานศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
หรือ
มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนไม่ครบ 5 ปี + มีประสบการณ์ในตำแหน่งหัวหน้าหมวดหรือหัวหน้าฝ่ายหรือหัวหน้างานหรือตำแหน่งบริหารอื่น ๆ ในสถานศึกษา ( ถ้าเป็นหัวหน้างานที่ สนง.กศน.จังหวัดไม่เกี่ยวนะ เพราะ สนง.กศน.จังหวัดไม่ใช่สถานศึกษา ) มาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือนใน 3 ปีการศึกษา หมายถึง ถ้าได้รับแต่งตั้งมอบหมายให้เป็นหัวหน้างานในสถานศึกษารวมไม่น้อยกว่า 24 เดือนใน 3 ปี ก็สอนไม่ครบ 5 ปีก็ได้
ที่ถูกคือ ไม่ใช่ 7 ปี แต่ให้มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนในสถานศึกษามาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี
หรือ
มีประสบการณ์ด้านปฏิบัติการสอนไม่ครบ 5 ปี + มีประสบการณ์ในตำแหน่งหัวหน้าหมวดหรือหัวหน้าฝ่ายหรือหัวหน้างานหรือตำแหน่งบริหารอื่น ๆ ในสถานศึกษา ( ถ้าเป็นหัวหน้างานที่ สนง.กศน.จังหวัดไม่เกี่ยวนะ เพราะ สนง.กศน.จังหวัดไม่ใช่สถานศึกษา ) มาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือนใน 3 ปีการศึกษา หมายถึง ถ้าได้รับแต่งตั้งมอบหมายให้เป็นหัวหน้างานในสถานศึกษารวมไม่น้อยกว่า 24 เดือนใน 3 ปี ก็สอนไม่ครบ 5 ปีก็ได้
ลองเสิร์ชดูข้อมูลที่ผมเคยโพสต์/ตอบ
เช่น ใน
- ข้อ 6 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/505575
- ข้อ 4 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/471886
- ข้อ 3.2 (4) ที่ https://www.gotoknow.org/posts/476995
- ข้อ 5.2 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/462139
และ ดูคู่มือการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต่าง ๆ ได้ที่
https://www.dropbox.com/s/3tik26l2j2ef2y8/ManualEdC.pdf?dl=1
7. เช้าวันที่ 28 มี.ค.61 ผมนำภาพตัวเลขเงิน ชพค.-ชพส. ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ ) ไปลงในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ
ปรากฏว่ามีสมาชิกกลุ่มไลน์ “ขับเคลื่อน พรบ.กศช.” เขียนว่า “ดูแปลกๆ... การหักส่วนกลางมีเกณฑ์อย่างไร เป็นเรื่องต้องรู้ยิ่ง”
- ข้อ 6 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/505575
- ข้อ 4 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/471886
- ข้อ 3.2 (4) ที่ https://www.gotoknow.org/posts/476995
- ข้อ 5.2 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/462139
และ ดูคู่มือการขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ต่าง ๆ ได้ที่
https://www.dropbox.com/s/3tik26l2j2ef2y8/ManualEdC.pdf?dl=1
7. เช้าวันที่ 28 มี.ค.61 ผมนำภาพตัวเลขเงิน ชพค.-ชพส. ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ ) ไปลงในกลุ่มไลน์ต่าง ๆ
ปรากฏว่ามีสมาชิกกลุ่มไลน์ “ขับเคลื่อน พรบ.กศช.” เขียนว่า “ดูแปลกๆ... การหักส่วนกลางมีเกณฑ์อย่างไร เป็นเรื่องต้องรู้ยิ่ง”
ผมตอบว่า
- การหักเงินสงเคราะห์รายศพจากสมาชิก หักตามจำนวนผู้เสียชีวิตในงวดเดือนที่ผ่านมา ตัดยอดวันที่ 20 ( งวดที่ผ่านมาคือช่วง 21 ก.พ.-20 มี.ค.) ศพละ 1 บาท เช่น งวดเดือนที่ผ่านมา มีสมาชิก ชพค.เสียชีวิต 495 ศพ ก็หักสมาชิก ชพค.คนละ 495 บาท
- ส่วนเงินที่ทายาทของ 1 ศพ จะได้รับนั้น จะได้ 96 % ของเงินที่หักได้จากสมาชิก เช่น ณ 20 มี.ค.61 มีจำนวนสมาชิก ชพค.คงเหลือทั้งสิ้น 947,860 คน หักเงินสมาชิกได้ศพละ 947,860 บาท ทายาทจะได้รับ 96 % เป็นเงิน 909,946 บาท เป็นต้น
- เงินที่หักไว้ 4 % เป็นค่าบริหารจัดการ เช่น เจ้าหน้าที่ ชพค.-ชพส.ของทั้งส่วนกลางและทุกจังหวัด ทุกคนไม่ได้รับเงินเดือน/ค่าจ้างจากเงินงบประมาณนะ เป็นลักษณะเดียวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ทั่วประเทศ แต่ได้เงินเดือน/ค่าจ้างจากเงิน 4 % นี้ นอกจากนั้นเงิน 4 % ยังใช้จ่ายเป็นค่าวัสดุสำนักงาน ค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ
- มีการประกาศ ชื่อ-สกุล-จังหวัด ของสมาชิก ชพค.-ชพส.ที่เสียชีวิตทุกศพ ทุกงวดเดือน ไว้ที่ สนง.คุรุสภาทุกจังหวัด หรือทุกคนดูได้ในเว็บไซต์คุรุสภาที่
http://www.otep-cpks.go.th/otepcpks/cpk-member-9/
- การหักเงินสงเคราะห์รายศพจากสมาชิก หักตามจำนวนผู้เสียชีวิตในงวดเดือนที่ผ่านมา ตัดยอดวันที่ 20 ( งวดที่ผ่านมาคือช่วง 21 ก.พ.-20 มี.ค.) ศพละ 1 บาท เช่น งวดเดือนที่ผ่านมา มีสมาชิก ชพค.เสียชีวิต 495 ศพ ก็หักสมาชิก ชพค.คนละ 495 บาท
- ส่วนเงินที่ทายาทของ 1 ศพ จะได้รับนั้น จะได้ 96 % ของเงินที่หักได้จากสมาชิก เช่น ณ 20 มี.ค.61 มีจำนวนสมาชิก ชพค.คงเหลือทั้งสิ้น 947,860 คน หักเงินสมาชิกได้ศพละ 947,860 บาท ทายาทจะได้รับ 96 % เป็นเงิน 909,946 บาท เป็นต้น
- เงินที่หักไว้ 4 % เป็นค่าบริหารจัดการ เช่น เจ้าหน้าที่ ชพค.-ชพส.ของทั้งส่วนกลางและทุกจังหวัด ทุกคนไม่ได้รับเงินเดือน/ค่าจ้างจากเงินงบประมาณนะ เป็นลักษณะเดียวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ทั่วประเทศ แต่ได้เงินเดือน/ค่าจ้างจากเงิน 4 % นี้ นอกจากนั้นเงิน 4 % ยังใช้จ่ายเป็นค่าวัสดุสำนักงาน ค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ
- มีการประกาศ ชื่อ-สกุล-จังหวัด ของสมาชิก ชพค.-ชพส.ที่เสียชีวิตทุกศพ ทุกงวดเดือน ไว้ที่ สนง.คุรุสภาทุกจังหวัด หรือทุกคนดูได้ในเว็บไซต์คุรุสภาที่
http://www.otep-cpks.go.th/otepcpks/cpk-member-9/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย