สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 7 เรื่อง ดังนี้
1. คืนวันที่ 19 ก.พ.61 มีผู้ถามต่อท้ายโพสต์ของผมในหน้าเฟซบุ๊กผม ว่า แนวทางขอเครื่องราชย์เป็นหน้าที่ของอำเภอ หรือจังหวัด ไม่เห็นมีรายชื่อจังหวัดสตูล
1. คืนวันที่ 19 ก.พ.61 มีผู้ถามต่อท้ายโพสต์ของผมในหน้าเฟซบุ๊กผม ว่า แนวทางขอเครื่องราชย์เป็นหน้าที่ของอำเภอ หรือจังหวัด ไม่เห็นมีรายชื่อจังหวัดสตูล
ผมตอบว่า เป็นหน้าที่ของจังหวัด (
บางจังหวัดแจ้งไปอำเภอให้สำรวจส่งจังหวัด, แต่ถ้าเป็นเหรียญจักรพรรดิมาลา
เจ้าตัวจึงจะต้องลงนามขอเอง ) ดูทั่วแล้วหรือ
หรือว่าปีนี้สตูลไม่มีผู้สมควรเสนอขอให้เลย
ที่ว่า การขอพระราชทานเครื่องราชฯ (
คำว่าเครื่องราชฯนี้ ไม่รวมเหรียญจักรพรรดิมาลา )
เป็นหน้าที่ของจังหวัดไม่ใช่อำเภอ มีเหตุผล 3 ประการ คือ
1) การขอพระราชทานเครื่องราชฯ ไม่ได้ให้เจ้าตัวขอเอง ผู้ลงนามเสนอขอพระราชทานในแบบ ขร.4/37 คือ ผอ.สนง.กศน.จังหวัด/หัวหน้าหน่วยงานสถานศึกษาขึ้นตรง
และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ พ.ศ.2536 ข้อ 8 กำหนดว่า
“ในการเสนอขอพระราชทานแก่บุคคลใด ไม่ใช่เพียงแค่อายุราชการครบก็ขอให้ทุกคน แต่ให้พิจารณาโดยรอบคอบว่าบุคคลนั้นได้กระทำความดีความชอบจนถึงขนาดสมควรได้รับพระราชทานฯ เพื่อให้บุคคลที่ได้รับพระราชทานรู้สึกภาคภูมิใจอย่างแท้จริง และเพื่อให้เครื่องราชฯเป็นเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูง”
2) การบริหารงานบุคคลต่าง ๆ เป็นบทบาทอำนาจของ ผอ.สนง.กศน.จังหวัด/สถานศึกษาขึ้นตรง เช่น การออกคำสั่งจ้าง/ทำสัญญาจ้าง แม้แต่การรับรองเงินเดือนบุคลากรรวมทั้งผู้รับจ้างเหมาบริการซึ่งจังหวัดเป็นผู้ออกคำสั่ง/ทำสัญญาจ้างและเบิกจ่ายค่าจ้างให้โดยไม่ผ่านระบบบัญชีอำเภอ ก็ยังเป็นบทบาทอำนาจของ ผอ.สนง.กศน.จังหวัด/สถานศึกษาขึ้นตรง ส่วน ผอ.กศน.อำเภอ/เขต ไม่มีสิทธิอำนาจในการรับรองเงินเดือน/ค่าจ้างบุคลากรในอำเภอ ( แต่ถ้า ผอ.กศน.อำเภอออกหนังสือรับรองเงินเดือนไปแล้ว หน่วยที่รับเขายอมรับไม่ว่าอะไร ก็ไม่เป็นอะไร แต่ตามระเบียบกฎหมาย ผอ.กศน.อำเภอ/เขต ไม่มีสิทธิอำนาจในการรับรองเงินเดือน )
3) ทะเบียนประวัติบุคลากรต่าง ๆ เช่น กพ.7 ต้องมีอยู่ที่ สนง.กศน.จังหวัด/กทม./สถานศึกษาขึ้นตรง อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสำรวจข้อมูลไปยัง กศน.อำเภอ/เขต
1) การขอพระราชทานเครื่องราชฯ ไม่ได้ให้เจ้าตัวขอเอง ผู้ลงนามเสนอขอพระราชทานในแบบ ขร.4/37 คือ ผอ.สนง.กศน.จังหวัด/หัวหน้าหน่วยงานสถานศึกษาขึ้นตรง
และตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ฯ พ.ศ.2536 ข้อ 8 กำหนดว่า
“ในการเสนอขอพระราชทานแก่บุคคลใด ไม่ใช่เพียงแค่อายุราชการครบก็ขอให้ทุกคน แต่ให้พิจารณาโดยรอบคอบว่าบุคคลนั้นได้กระทำความดีความชอบจนถึงขนาดสมควรได้รับพระราชทานฯ เพื่อให้บุคคลที่ได้รับพระราชทานรู้สึกภาคภูมิใจอย่างแท้จริง และเพื่อให้เครื่องราชฯเป็นเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศอย่างสูง”
2) การบริหารงานบุคคลต่าง ๆ เป็นบทบาทอำนาจของ ผอ.สนง.กศน.จังหวัด/สถานศึกษาขึ้นตรง เช่น การออกคำสั่งจ้าง/ทำสัญญาจ้าง แม้แต่การรับรองเงินเดือนบุคลากรรวมทั้งผู้รับจ้างเหมาบริการซึ่งจังหวัดเป็นผู้ออกคำสั่ง/ทำสัญญาจ้างและเบิกจ่ายค่าจ้างให้โดยไม่ผ่านระบบบัญชีอำเภอ ก็ยังเป็นบทบาทอำนาจของ ผอ.สนง.กศน.จังหวัด/สถานศึกษาขึ้นตรง ส่วน ผอ.กศน.อำเภอ/เขต ไม่มีสิทธิอำนาจในการรับรองเงินเดือน/ค่าจ้างบุคลากรในอำเภอ ( แต่ถ้า ผอ.กศน.อำเภอออกหนังสือรับรองเงินเดือนไปแล้ว หน่วยที่รับเขายอมรับไม่ว่าอะไร ก็ไม่เป็นอะไร แต่ตามระเบียบกฎหมาย ผอ.กศน.อำเภอ/เขต ไม่มีสิทธิอำนาจในการรับรองเงินเดือน )
3) ทะเบียนประวัติบุคลากรต่าง ๆ เช่น กพ.7 ต้องมีอยู่ที่ สนง.กศน.จังหวัด/กทม./สถานศึกษาขึ้นตรง อยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องสำรวจข้อมูลไปยัง กศน.อำเภอ/เขต
แต่บางจังหวัดแจ้งไปอำเภอให้สำรวจส่งจังหวัด
อาจจะมีเหตุผลจาก
1) ให้อำเภอช่วยสำรวจเพื่อความรอบคอบ จะได้ไม่ตกหล่นผิดพลาด
2) จนท.งานบุคลากรของจังหวัด ขี้เกียจหรือทำทะเบียนประวัติต่าง ๆ ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ถูกต้อง
( บางจังหวัดแจ้งให้อำเภอสำรวจส่งจังหวัด ส่วนงานบุคลากรของอำเภอก็ไม่ทำทะเบียนประวัติบุคลากรให้ละเอียดเป็นปัจจุบันเช่นกัน จังหวัดถามอะไรไป ก็ให้บุคลากรแต่ละรายกรอกให้ใหม่ทุกครั้ง บุคลากรกรอกอย่างไรก็เชื่อตามนั้น ส่งกลับไปจังหวัด
หลายจังหวัดเมื่อมีบุคลากรเกษียณ จะใช้ทะเบียนประวัติของจังหวัดในการเสนอเรื่องขอบำเหน็จบำนาญไม่ได้ เพราะบันทึกไม่ครบถ้วน ต้องใช้ทะเบียนประวัติที่ กจ.กศน. ซึ่งยังพอเป็นหลักได้
แต่ระยะหลัง ๆ แม้แต่ กจ.กศน.ก็มีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเป็นปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการประกาศบัญชีตำแหน่งว่างเพื่อการบรรจุหรือให้ขอย้าย ที่มักจะมีการแจ้งแก้ไขตามมาอีกบ่อย บางครั้งถึงขนาดเคยออกคำสั่งย้ายไปทับซ้อนในตำแหน่งที่มีคนอื่นครองอยู่
คนรุ่นเก่าที่มีความละเอียดถี่ถ้วน เกษียณไปเกือบหมดแล้ว
ความละเอียดถี่ถ้วนนี้ จะใช้เฉพาะตอนตรวจสอบไม่พอ แต่ต้องขยันบันทึกข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงให้เป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา ถ้าผลัดวันประกันพรุ่งไว้เพียงไม่กี่วันก็อาจลืมไปเลย )
2. วันที่ 20 ก.พ.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ฉันตำแหน่งครูอาสาสมัครพื้นที่ปกติ อยากทราบข้อมูลการรับผิดชอบพื้นที่ปฏิบัติงาน เพราะมีเพื่อนครูอาสาเคยพูดว่าครูอาสาพื้นที่ปกติหนึ่งคนต้องรับผิดชอบพื้นที่2ตำบล พอจะมีหลักฐานตัวนี้มั้ย
1) ให้อำเภอช่วยสำรวจเพื่อความรอบคอบ จะได้ไม่ตกหล่นผิดพลาด
2) จนท.งานบุคลากรของจังหวัด ขี้เกียจหรือทำทะเบียนประวัติต่าง ๆ ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ถูกต้อง
( บางจังหวัดแจ้งให้อำเภอสำรวจส่งจังหวัด ส่วนงานบุคลากรของอำเภอก็ไม่ทำทะเบียนประวัติบุคลากรให้ละเอียดเป็นปัจจุบันเช่นกัน จังหวัดถามอะไรไป ก็ให้บุคลากรแต่ละรายกรอกให้ใหม่ทุกครั้ง บุคลากรกรอกอย่างไรก็เชื่อตามนั้น ส่งกลับไปจังหวัด
หลายจังหวัดเมื่อมีบุคลากรเกษียณ จะใช้ทะเบียนประวัติของจังหวัดในการเสนอเรื่องขอบำเหน็จบำนาญไม่ได้ เพราะบันทึกไม่ครบถ้วน ต้องใช้ทะเบียนประวัติที่ กจ.กศน. ซึ่งยังพอเป็นหลักได้
แต่ระยะหลัง ๆ แม้แต่ กจ.กศน.ก็มีข้อมูลบางอย่างที่ไม่ถูกต้องเป็นปัจจุบัน ดังจะเห็นได้จากการประกาศบัญชีตำแหน่งว่างเพื่อการบรรจุหรือให้ขอย้าย ที่มักจะมีการแจ้งแก้ไขตามมาอีกบ่อย บางครั้งถึงขนาดเคยออกคำสั่งย้ายไปทับซ้อนในตำแหน่งที่มีคนอื่นครองอยู่
คนรุ่นเก่าที่มีความละเอียดถี่ถ้วน เกษียณไปเกือบหมดแล้ว
ความละเอียดถี่ถ้วนนี้ จะใช้เฉพาะตอนตรวจสอบไม่พอ แต่ต้องขยันบันทึกข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงให้เป็นปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา ถ้าผลัดวันประกันพรุ่งไว้เพียงไม่กี่วันก็อาจลืมไปเลย )
2. วันที่ 20 ก.พ.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ฉันตำแหน่งครูอาสาสมัครพื้นที่ปกติ อยากทราบข้อมูลการรับผิดชอบพื้นที่ปฏิบัติงาน เพราะมีเพื่อนครูอาสาเคยพูดว่าครูอาสาพื้นที่ปกติหนึ่งคนต้องรับผิดชอบพื้นที่2ตำบล พอจะมีหลักฐานตัวนี้มั้ย
ผมตอบว่า ส่วนกลางไม่เคยกำหนดว่าครูอาสาพื้นที่ปกติหนึ่งคนต้องรับผิดชอบสองตำบล
แต่ให้อยู่ที่บริบทของแต่ละพื้นที่
ผู้ถาม เขียนต่อ ว่า ขอบคุณ พอดีฉันจะย้ายพื้นที่ปฏิบัติงานภายในจังหวัดเดียวกัน
ผมตอบว่า การย้ายพื้นที่ ไม่เกี่ยกับการรับผิดชอบกี่ตำบล แต่เกี่ยวกับเลขที่ตำแหน่งว่าง
ปัจจุบันจังหวัดย้ายพื้นที่ปฏิบัติงานพนักงานราชการภายในจังหวัดได้ แต่ต้องมีเลขที่ตำแหน่งว่างในตำแหน่งเดียวกัน และพนักงานราชการเป็นผู้ขอย้าย ( ต่างกับการให้ไปช่วยปฏิบัติราชการนอกพื้นที่ชั่วคราวเพื่อความเหมาะสม )
ต้องขอย้ายไปในอำเภอที่มีเลขที่ตำแหน่งครูอาสาฯว่างอยู่หรือสับเปลี่ยนกันเท่านั้น เลขที่เดิมของเราต้องอยู่ที่เดิม จะนำเลขที่เดิมตามตัวไปไม่ได้ ถ้าที่จะย้ายไปไม่มีเลขที่ตำแหน่งครูอาสาฯว่างอยู่ก็ย้ายไปไม่ได้ ถ้าจะย้ายเลขที่ตำแหน่ง ( เกลี่ยตำแหน่ง ) จังหวัดต้องขออนุมัติส่วนกลางก่อน ( งานบุคลากร สนง.กศน.จังหวัด จะรู้ว่า มีเลขที่ตำแหน่งครูอาสาฯว่างอยู่ที่อำเภอใดบ้าง )
3. วันที่ 21 ก.พ.61 มัณฑน์กาญจน์ ไชยหงษ์ (Mantakan Ch) ( สระแก้ว ) ถามต่อท้ายโพสต์ของผมในเฟซบุ๊กกลุ่มครูนอกระบบ ว่า กรณีตำแหน่งครูอาสาไปช่วยราชการที่สนง.กศน.จังหวัดคราวละกี่เดือน
ผู้ถาม เขียนต่อ ว่า ขอบคุณ พอดีฉันจะย้ายพื้นที่ปฏิบัติงานภายในจังหวัดเดียวกัน
ผมตอบว่า การย้ายพื้นที่ ไม่เกี่ยกับการรับผิดชอบกี่ตำบล แต่เกี่ยวกับเลขที่ตำแหน่งว่าง
ปัจจุบันจังหวัดย้ายพื้นที่ปฏิบัติงานพนักงานราชการภายในจังหวัดได้ แต่ต้องมีเลขที่ตำแหน่งว่างในตำแหน่งเดียวกัน และพนักงานราชการเป็นผู้ขอย้าย ( ต่างกับการให้ไปช่วยปฏิบัติราชการนอกพื้นที่ชั่วคราวเพื่อความเหมาะสม )
ต้องขอย้ายไปในอำเภอที่มีเลขที่ตำแหน่งครูอาสาฯว่างอยู่หรือสับเปลี่ยนกันเท่านั้น เลขที่เดิมของเราต้องอยู่ที่เดิม จะนำเลขที่เดิมตามตัวไปไม่ได้ ถ้าที่จะย้ายไปไม่มีเลขที่ตำแหน่งครูอาสาฯว่างอยู่ก็ย้ายไปไม่ได้ ถ้าจะย้ายเลขที่ตำแหน่ง ( เกลี่ยตำแหน่ง ) จังหวัดต้องขออนุมัติส่วนกลางก่อน ( งานบุคลากร สนง.กศน.จังหวัด จะรู้ว่า มีเลขที่ตำแหน่งครูอาสาฯว่างอยู่ที่อำเภอใดบ้าง )
3. วันที่ 21 ก.พ.61 มัณฑน์กาญจน์ ไชยหงษ์ (Mantakan Ch) ( สระแก้ว ) ถามต่อท้ายโพสต์ของผมในเฟซบุ๊กกลุ่มครูนอกระบบ ว่า กรณีตำแหน่งครูอาสาไปช่วยราชการที่สนง.กศน.จังหวัดคราวละกี่เดือน
เรื่องนี้ อ.ณัฐพนธ์ กจ.กศน. บอกว่า ถ้าเป็นไปตามข้อ 2.1 ใน “แนวปฏิบัติของระบบพนักงานราชการ สังกัดสำนักงาน
กศน.” ( ข้อ 2.1 นี้ พนักงานราชการไม่ต้องร้องขอ
) ไม่ได้กำหนดเวลาไปช่วยราชการในแต่ละคราวไว้ แต่ กำหนดว่า
รวมทุกคราวในปีงบประมาณเดียวกัน ต้องไม่เกิน 4 เดือน เช่น คราวแรกให้ไป 3 เดือน
คราวที่สองก็ต้องไม่เกิน 1 เดือน ทั้งนี้ในแต่ละคราวต้องระบุระยะเวลาสิ้นสุดที่ชัดเจน
ไม่ใช่แจ้งให้ไปช่วยราชการโดยไม่ระบุว่าให้ไปช่วยราชการถึงวันไหน
ผู้ถาม ถามต่อ ว่า แล้วแบบประเมินละ..ประเมินแบบไหน เพราะตอนนี้ไปช่วยแล้วแต่ทางสนง.กศน.จังหวัดไม่มีรายบะเอียดให้ รบกวนส่งระเบียบไปช่วยราชการใหหน่อยนะ
ผมตอบว่า แบบประเมินอะไร การไปช่วยราชการนี้ไปชั่วครั้งชั่วคราว การประเมินก็ยังประเมินตำแหน่งเดิมงานเดิม
ส่วนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการไปปฏิบัติราชการนอกพื้นที่นี้ ดูที่ผมเคยโพสต์เรื่องซักซ้อมแนวปฏิบัติของระบบพนักงานราชการ 2 ครั้งแล้วนะ
( ดูแนวปฏิบัติข้อ 2.1 จะระบุว่าให้ไปปฏิบัติราชการนอกพื้นที่ได้ในงานราชการที่ไม่แตกต่างจากที่ระบุในสัญญาจ้าง
เช่น ครูอาสาฯอำเภอ ก. ลาออก ในขณะที่ยังสรรหาบรรจุคนใหม่ไม่เสร็จ ก็ให้ครูอาสาฯอำเภอ ข. ที่มีหลายคน แบ่งไปปฏิบัติงานที่อำเภอ ก. ชั่วคราว ในบทบาทหน้าที่ครูอาสาฯ เป็นต้น การประเมินก็ใช้แบบประเมินครูอาสาฯนั่นแหละ
ถ้าคุณคิดว่าการไปช่วยปฏิบัติงานที่จังหวัด ไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติ ทำให้ผลงานครูอาสาฯลดและคะแนนการประเมินต่ำ คุณก็ควรบันทึกแจ้งขอไม่ไปช่วยราชการ )
4. เย็นวันที่ 26 ก.พ.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ขอหนังสือ/เอกสาร เรื่องการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามสอบปลายภาคเรียน อาจารย์โพสไว้ แต่หาแล้วไม่เจอ
ผู้ถาม ถามต่อ ว่า แล้วแบบประเมินละ..ประเมินแบบไหน เพราะตอนนี้ไปช่วยแล้วแต่ทางสนง.กศน.จังหวัดไม่มีรายบะเอียดให้ รบกวนส่งระเบียบไปช่วยราชการใหหน่อยนะ
ผมตอบว่า แบบประเมินอะไร การไปช่วยราชการนี้ไปชั่วครั้งชั่วคราว การประเมินก็ยังประเมินตำแหน่งเดิมงานเดิม
ส่วนหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการไปปฏิบัติราชการนอกพื้นที่นี้ ดูที่ผมเคยโพสต์เรื่องซักซ้อมแนวปฏิบัติของระบบพนักงานราชการ 2 ครั้งแล้วนะ
( ดูแนวปฏิบัติข้อ 2.1 จะระบุว่าให้ไปปฏิบัติราชการนอกพื้นที่ได้ในงานราชการที่ไม่แตกต่างจากที่ระบุในสัญญาจ้าง
เช่น ครูอาสาฯอำเภอ ก. ลาออก ในขณะที่ยังสรรหาบรรจุคนใหม่ไม่เสร็จ ก็ให้ครูอาสาฯอำเภอ ข. ที่มีหลายคน แบ่งไปปฏิบัติงานที่อำเภอ ก. ชั่วคราว ในบทบาทหน้าที่ครูอาสาฯ เป็นต้น การประเมินก็ใช้แบบประเมินครูอาสาฯนั่นแหละ
ถ้าคุณคิดว่าการไปช่วยปฏิบัติงานที่จังหวัด ไม่เป็นไปตามแนวปฏิบัติ ทำให้ผลงานครูอาสาฯลดและคะแนนการประเมินต่ำ คุณก็ควรบันทึกแจ้งขอไม่ไปช่วยราชการ )
4. เย็นวันที่ 26 ก.พ.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ขอหนังสือ/เอกสาร เรื่องการจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสนามสอบปลายภาคเรียน อาจารย์โพสไว้ แต่หาแล้วไม่เจอ
ผมตอบว่า ผมไม่เคยโพสต์เรื่องการ “จ้าง” จนท.รักษาความปลอดภัยสนามสอบ
ไม่มีระเบียบรองรับให้จ้าง จนท.รักษาความปลอดภัยสนามสอบ
เคยมีหนังสือสำนักงาน กศน. แจ้งเรื่องมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณสนามสอบวัดผลสัมฤทธิ์ปลายภาคเรียน ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ )
แต่หนังสือฉบับนี้ไม่ได้ระบุให้ จ้าง แต่ระบุให้ “ประสานขอความอนุเคราะห์” จากหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่อยู่ในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ถ้าประสานขอความอนุเคราะห์โดยไม่ต้องจ้างไม่ได้ เราอาจจะแต่งตั้งให้ จนท.ตำรวจเป็นกรรมการดำเนินการสอบ และเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้ตามเกณฑ์กรรมการดำเนินการสอบได้
กรรมการดำเนินการสอบต้องเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างประจำ หรือพนักงานราชการ ที่ยังไม่เกษียณ ( สังกัดอื่นก็อนุโลมได้ ) ถ้าไม่ได้เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำหรือพนักงานราชการ ต้องเป็นครูสังกัด กศน. ( แต่นโยบายเรา ไม่ให้ครู กศน.คุมสอบ นศ.กลุ่มของตนเอง )
อนึ่ง อย่าลืมว่า การตั้งกรรมการดำเนินการสอบมีเกณฑ์กำหนดจำนวนคนตามจำนวนห้องสอบ รวมกรรมการดำเนินการสอบทั้งหมดต้องตั้งไม่เกินเกณฑ์
ไม่มีระเบียบรองรับให้จ้าง จนท.รักษาความปลอดภัยสนามสอบ
เคยมีหนังสือสำนักงาน กศน. แจ้งเรื่องมาตรการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยบริเวณสนามสอบวัดผลสัมฤทธิ์ปลายภาคเรียน ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ )
แต่หนังสือฉบับนี้ไม่ได้ระบุให้ จ้าง แต่ระบุให้ “ประสานขอความอนุเคราะห์” จากหน่วยงานในสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่อยู่ในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม ถ้าประสานขอความอนุเคราะห์โดยไม่ต้องจ้างไม่ได้ เราอาจจะแต่งตั้งให้ จนท.ตำรวจเป็นกรรมการดำเนินการสอบ และเบิกจ่ายค่าตอบแทนให้ตามเกณฑ์กรรมการดำเนินการสอบได้
กรรมการดำเนินการสอบต้องเป็นข้าราชการ หรือลูกจ้างประจำ หรือพนักงานราชการ ที่ยังไม่เกษียณ ( สังกัดอื่นก็อนุโลมได้ ) ถ้าไม่ได้เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำหรือพนักงานราชการ ต้องเป็นครูสังกัด กศน. ( แต่นโยบายเรา ไม่ให้ครู กศน.คุมสอบ นศ.กลุ่มของตนเอง )
อนึ่ง อย่าลืมว่า การตั้งกรรมการดำเนินการสอบมีเกณฑ์กำหนดจำนวนคนตามจำนวนห้องสอบ รวมกรรมการดำเนินการสอบทั้งหมดต้องตั้งไม่เกินเกณฑ์
5. เย็นวันเดียวกัน
( 26 ก.พ.61 ) มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ถามเกี่ยวกับการเบิกจ่าย Smart ONIE เพื่อสร้าง Smart Farmer คือ กศน.อำเภอหนึ่งมี 6
ตำบล ได้รับงบประมาณ 91,200 บาทสำหรับจัดกิจกรรม ซึ่งสำนักงาน
กศน.ให้นโยบายว่าเป้าหมายตำบลละ 10 คนขึ้นไป
ตามระเบียบการฝึกอบรมแล้วจะต้องมีเป้าหมายไม่ต่ำกว่า 15 คน
ถึงจะเบิกได้ตามระเบียบนี้ แต่ว่าอำเภอนี้เขาจัดเป็น 2 ระยะ คือ
ระยะแรกอบรมในพื้นที่ 60 คน วันเดียว และระยะที่ 2 คัดเลือกตัวแทนเพียง 30 คนจาก
60 คนแรก ไปศึกษาดูงานที่จังหวัดเชียงใหม่ 3 วัน
อยากถามว่าจะใช้เป้าหมายรวมกันทั้ง 2 ระยะ คือระยะแรก 60 คน กับระยะที่ 2 อีก 30 คน รวมเป็น 90 คน เพื่อที่จะเบิกงบประมาณทั้งหมดจะได้หรือไม่ ในส่วนตัวฉันมองว่าจะเป็นการฉีกแบ่งเป้าหมายทำให้อบรมไม่ครบตามหลักสูตร คือ 27-30 =4 วัน หรือเปล่า ขอความรู้หน่อย
อยากถามว่าจะใช้เป้าหมายรวมกันทั้ง 2 ระยะ คือระยะแรก 60 คน กับระยะที่ 2 อีก 30 คน รวมเป็น 90 คน เพื่อที่จะเบิกงบประมาณทั้งหมดจะได้หรือไม่ ในส่วนตัวฉันมองว่าจะเป็นการฉีกแบ่งเป้าหมายทำให้อบรมไม่ครบตามหลักสูตร คือ 27-30 =4 วัน หรือเปล่า ขอความรู้หน่อย
ผมตอบว่า ต้องดูว่าโครงการนี้มีการกำหนดไว้ไหมว่า
หลักสูตรจะต้องกี่วัน หลักสูตร 1 วันได้ไหม 3 วันได้ไหม
เนื้อหาของหลักสูตรต้องมีแค่ไหน
- ถ้าโครงการนี้ หลักสูตรจะกี่วันก็ได้ เนื้อหาแค่ไหนก็ได้ ก็สามารถเบิกจ่ายเป็น 2 โครงการ 2 หลักสูตร หลักสูตรที่ 1 เบิกจ่าย 60 คน 1 วัน หลักสูตรที่ 2 เบิกจ่าย 30 คน 3 วัน นับรวมเป็น 90 คนได้ เพราะเนื้อหา 2 หลักสูตรไม่เหมือนกัน
- แต่ถ้ามีกำหนดว่า หลักสูตรจะต้อง 4 วัน ( 27-30 ชม.) หรือหลักสูตรจะต้องมีเนื้อหาครบตามที่กำหนด คงต้องจัดอบรมเพิ่มเติมให้ครบ จึงจะเบิกจ่ายได้ คือต้องให้ 30 คน ที่เดิมมาแค่ 1 วัน มาอบรมเพิ่มอีก 3 วัน แล้วเบิกจ่ายโดยถือว่าเป็นหลักสูตร 4 วัน ผู้เข้าอบรม 60 คน
6. ดึกวันที่ 1 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์แฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า ระเบียบให้ครูประจำกลุ่มเรือนจำ ครูประจำกลุ่มทหาร เบิกค่าตอบแทนกรรมการคุมสอบได้ไหม
- ถ้าโครงการนี้ หลักสูตรจะกี่วันก็ได้ เนื้อหาแค่ไหนก็ได้ ก็สามารถเบิกจ่ายเป็น 2 โครงการ 2 หลักสูตร หลักสูตรที่ 1 เบิกจ่าย 60 คน 1 วัน หลักสูตรที่ 2 เบิกจ่าย 30 คน 3 วัน นับรวมเป็น 90 คนได้ เพราะเนื้อหา 2 หลักสูตรไม่เหมือนกัน
- แต่ถ้ามีกำหนดว่า หลักสูตรจะต้อง 4 วัน ( 27-30 ชม.) หรือหลักสูตรจะต้องมีเนื้อหาครบตามที่กำหนด คงต้องจัดอบรมเพิ่มเติมให้ครบ จึงจะเบิกจ่ายได้ คือต้องให้ 30 คน ที่เดิมมาแค่ 1 วัน มาอบรมเพิ่มอีก 3 วัน แล้วเบิกจ่ายโดยถือว่าเป็นหลักสูตร 4 วัน ผู้เข้าอบรม 60 คน
6. ดึกวันที่ 1 มี.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์แฟนเพจเฟซบุ๊ก ว่า ระเบียบให้ครูประจำกลุ่มเรือนจำ ครูประจำกลุ่มทหาร เบิกค่าตอบแทนกรรมการคุมสอบได้ไหม
เรื่องนี้ ผมถามต่อทางไลน์ไปที่ อ.เอมอร ครูชำนาญการพิเศษ
กศน.อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีครูประจำกลุ่มเรือนจำ
และถาม อ.สุนีย์ หน่วยตรวจสอบภายใน กศน. ว่า
“ เท่าที่ผมทราบ หน.กลุ่มงานตรวจจ่าย กลุ่มการคลัง กศน.คนเก่า เคยตอบว่า ถ้าแต่งตั้งให้เป็นกรรมการดำเนินการสอบก็เบิกได้ตามระเบียบ
เช่น ถ้าสังกัด กศน.ดำเนินการสอบนอกวันราชการของเขาก็เบิกได้เต็ม ถ้าสังกัดอื่นแม้ดำเนินการสอบในเวลาราชการเขาแต่ถ้าผู้บังคับบัญชาระดับสูงเขาอนุญาตให้ทำ ก็เบิกได้
โดย กรรมการดำเนินการสอบต้องแต่งตั้งจาก ข้าราชการ หรือลูกจ้างประจำ หรือพนักงานราชการ ที่ยังไม่เกษียณ ( สังกัดอื่นก็อนุโลมได้ ) ถ้าไม่ได้เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำหรือพนักงานราชการ ต้องเป็นครูสังกัด กศน. ( แต่นโยบายเรา ไม่ให้ครู กศน.คุมสอบ นศ.กลุ่มของตนเอง )
กรณีนี้จะคุมสอบ และเบิกค่าตอบแทนกรรมการคุมสอบได้ไหมครับ ”
และถาม อ.สุนีย์ หน่วยตรวจสอบภายใน กศน. ว่า
“ เท่าที่ผมทราบ หน.กลุ่มงานตรวจจ่าย กลุ่มการคลัง กศน.คนเก่า เคยตอบว่า ถ้าแต่งตั้งให้เป็นกรรมการดำเนินการสอบก็เบิกได้ตามระเบียบ
เช่น ถ้าสังกัด กศน.ดำเนินการสอบนอกวันราชการของเขาก็เบิกได้เต็ม ถ้าสังกัดอื่นแม้ดำเนินการสอบในเวลาราชการเขาแต่ถ้าผู้บังคับบัญชาระดับสูงเขาอนุญาตให้ทำ ก็เบิกได้
โดย กรรมการดำเนินการสอบต้องแต่งตั้งจาก ข้าราชการ หรือลูกจ้างประจำ หรือพนักงานราชการ ที่ยังไม่เกษียณ ( สังกัดอื่นก็อนุโลมได้ ) ถ้าไม่ได้เป็นข้าราชการหรือลูกจ้างประจำหรือพนักงานราชการ ต้องเป็นครูสังกัด กศน. ( แต่นโยบายเรา ไม่ให้ครู กศน.คุมสอบ นศ.กลุ่มของตนเอง )
กรณีนี้จะคุมสอบ และเบิกค่าตอบแทนกรรมการคุมสอบได้ไหมครับ ”
อ.สุนีย์ หน่วยตรวจสอบภายใน ตอบว่า
“คำอธิบายทั้งหมดข้างต้น ถูกต้องแล้ว เหตุผลทั้งหมด ปัจจุบันยังไม่เปลี่ยนแปลง”
ส่วน อ.เอมอร ตอบว่า
“ใช้ครูประจำกลุ่มคุมสอบ โดยสลับห้อง เช่นถ้าเขาเป็นครูประถม ก็ให้ไปคุม ม ต้น ถ้าครูประจำกลุ่มไม่พอ(ห้องสอบต้องมีครูคุมสอบ 2 คน) ก็จะต้องมีคนอื่นไปคุมสอบด้วย”
“คำอธิบายทั้งหมดข้างต้น ถูกต้องแล้ว เหตุผลทั้งหมด ปัจจุบันยังไม่เปลี่ยนแปลง”
ส่วน อ.เอมอร ตอบว่า
“ใช้ครูประจำกลุ่มคุมสอบ โดยสลับห้อง เช่นถ้าเขาเป็นครูประถม ก็ให้ไปคุม ม ต้น ถ้าครูประจำกลุ่มไม่พอ(ห้องสอบต้องมีครูคุมสอบ 2 คน) ก็จะต้องมีคนอื่นไปคุมสอบด้วย”
สรุป ครูประจำกลุ่มในเรือนจำ
ในค่ายทหาร สามารถเบิกค่าตอบแทนกรรมการคุมสอบได้ ไม่มีระเบียบห้าม
แต่นโยบายไม่ให้คุมสอบ นศ.กลุ่มของตนเอง
7. เช้าวันเสาร์ที่ 3 มี.ค.61 มีผู้แสดงความคิดเห็นต่อท้ายโพสต์ของผมในเฟซบุ๊กกลุ่มครูนอกระบบ ที่ผมใช้ภาพ “ยอดเงินสงเคราะห์รายศพ ชพค.,ชพส.” ประกอบโพสต์ ว่า
“สมาชิกเสียชีวิตน้อยได้เงินสงเคราะห์มาก”
7. เช้าวันเสาร์ที่ 3 มี.ค.61 มีผู้แสดงความคิดเห็นต่อท้ายโพสต์ของผมในเฟซบุ๊กกลุ่มครูนอกระบบ ที่ผมใช้ภาพ “ยอดเงินสงเคราะห์รายศพ ชพค.,ชพส.” ประกอบโพสต์ ว่า
“สมาชิกเสียชีวิตน้อยได้เงินสงเคราะห์มาก”
ประเด็นนี้ ผมอธิบายข้อมูลว่า
จำนวนเงินสงเคราะห์ที่ทายาทจะได้รับ ไม่ได้คำนวณจากจำนวนสมาชิกที่เสียชีวิต
แต่จำนวนเงินที่ทายาทจะได้รับ = 96 % ของจำนวนสมาชิกคงเหลือในเดือนนั้น เช่น เดือนนั้นมีจำนวนสมาชิกคงเหลือ 948,422 คน ทายาทก็จะได้รับเงิน 96 % เป็นเงิน 910,485 บาท โดยได้รับทันทีที่ยืนมรณบัตร 200,000 บาท เพื่อใช้จัดการศพ ส่วนที่เหลือได้รับภายหลัง
( ที่หักไว้ 4 % เป็นค่าบริหารจัดการ เช่น เจ้าหน้าที่ ชพค.-ชพส.ของทั้งส่วนกลางและทุกจังหวัด ทุกคนไม่ได้รับเงินเดือน/ค่าจ้างจากเงินงบประมาณนะ เช่นเดียวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ทั่วประเทศ แต่ได้เงินเดือน/ค่าจ้างจากเงิน 4 % นี้ นอกจากนั้นเงิน 4 % ยังใช้จ่ายเป็นค่าวัสดุสำนักงาน ค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ )
ส่วนจำนวนเงินที่หักจากสมาชิกแต่ละคน = จำนวนสมาชิกที่ถึงแก่กรรมในเดือนนั้น เช่น 627 บาท = 627 ศพ
บางเดือนสมาชิกถึงแก่กรรมมากแต่จำนวนสมาชิกเหลือน้อยเพราะสมัครใหม่น้อยกว่าถึงแก่กรรม+ลาออก บางเดือนสมาชิกถึงแก่กรรมน้อยแต่จำนวนสมาชิกมากขึ้นเพราะสมัครใหม่มากกว่าถึงแก่กรรม+ลาออก
จำนวนเงินสงเคราะห์ที่ทายาทจะได้รับ ไม่ได้คำนวณจากจำนวนสมาชิกที่เสียชีวิต
แต่จำนวนเงินที่ทายาทจะได้รับ = 96 % ของจำนวนสมาชิกคงเหลือในเดือนนั้น เช่น เดือนนั้นมีจำนวนสมาชิกคงเหลือ 948,422 คน ทายาทก็จะได้รับเงิน 96 % เป็นเงิน 910,485 บาท โดยได้รับทันทีที่ยืนมรณบัตร 200,000 บาท เพื่อใช้จัดการศพ ส่วนที่เหลือได้รับภายหลัง
( ที่หักไว้ 4 % เป็นค่าบริหารจัดการ เช่น เจ้าหน้าที่ ชพค.-ชพส.ของทั้งส่วนกลางและทุกจังหวัด ทุกคนไม่ได้รับเงินเดือน/ค่าจ้างจากเงินงบประมาณนะ เช่นเดียวกับสมาคมฌาปนกิจสงเคราะห์ทั่วประเทศ แต่ได้เงินเดือน/ค่าจ้างจากเงิน 4 % นี้ นอกจากนั้นเงิน 4 % ยังใช้จ่ายเป็นค่าวัสดุสำนักงาน ค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ ค่าสาธารณูปโภค ฯลฯ )
ส่วนจำนวนเงินที่หักจากสมาชิกแต่ละคน = จำนวนสมาชิกที่ถึงแก่กรรมในเดือนนั้น เช่น 627 บาท = 627 ศพ
บางเดือนสมาชิกถึงแก่กรรมมากแต่จำนวนสมาชิกเหลือน้อยเพราะสมัครใหม่น้อยกว่าถึงแก่กรรม+ลาออก บางเดือนสมาชิกถึงแก่กรรมน้อยแต่จำนวนสมาชิกมากขึ้นเพราะสมัครใหม่มากกว่าถึงแก่กรรม+ลาออก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย