สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 7 เรื่อง ดังนี้
1. กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศเรื่องการรับนักเรียนนักศึกษาที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ลงวันที่ 19 ม.ค.61
ต่อมา กอง/กลุ่มงาน ส่วนกลาง กศน. 3 กอง คือ กป. กผ. และ ศกพ. ต่างก็ส่งเรื่องนี้มาให้จังหวัด แต่บางฉบับมีแนวปฏิบัติที่ไม่ค่อยเหมือนกัน ดังนี้
1. กระทรวงศึกษาธิการ ประกาศเรื่องการรับนักเรียนนักศึกษาที่ไม่มีหลักฐานทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ลงวันที่ 19 ม.ค.61
ต่อมา กอง/กลุ่มงาน ส่วนกลาง กศน. 3 กอง คือ กป. กผ. และ ศกพ. ต่างก็ส่งเรื่องนี้มาให้จังหวัด แต่บางฉบับมีแนวปฏิบัติที่ไม่ค่อยเหมือนกัน ดังนี้
- ฉบับแรก ออกโดย กป.
( หนังสือสำนักงาน กศน.ที่ ศธ 0210.04/ว710 ) ลงวันที่ 7 ก.พ.61 ฉบับนี้แค่ส่งประกาศ ศธ.นี้ มาให้ถือปฏิบัติ
- ฉบับต่อมา ออกโดย กผ. ( หนังสือสำนักงาน กศน.ที่ ศธ 0210.04/ว1183 ) ลงวันที่ 28 ก.พ.61 แจ้งการรับเด็กเข้าเรียนให้เป็นไปตามประกาศ ศธ.นี้ โดยให้สถานศึกษากำหนดรหัสประจำตัว นศ.ที่ไม่หลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ทางเว็บไซต์ระบบกลางกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียน ( รหัสขึ้นต้นด้วย G )
- ฉบับที่สาม ออกโดย ศกพ. ( หนังสือสำนักงาน กศน. ด่วนมาก ที่ ศธ 0210.121/2350 ) ลงวันที่ 30 เม.ย.61 ส่งประกาศ ศธ.นี้ มาให้ถือปฏิบัติ แต่ระบุว่าการกำหนดรหัสประจำตัว สำนักงาน กศน.กำหนดเป็นเลข 0
- ฉบับต่อมา ออกโดย กผ. ( หนังสือสำนักงาน กศน.ที่ ศธ 0210.04/ว1183 ) ลงวันที่ 28 ก.พ.61 แจ้งการรับเด็กเข้าเรียนให้เป็นไปตามประกาศ ศธ.นี้ โดยให้สถานศึกษากำหนดรหัสประจำตัว นศ.ที่ไม่หลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ทางเว็บไซต์ระบบกลางกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียน ( รหัสขึ้นต้นด้วย G )
- ฉบับที่สาม ออกโดย ศกพ. ( หนังสือสำนักงาน กศน. ด่วนมาก ที่ ศธ 0210.121/2350 ) ลงวันที่ 30 เม.ย.61 ส่งประกาศ ศธ.นี้ มาให้ถือปฏิบัติ แต่ระบุว่าการกำหนดรหัสประจำตัว สำนักงาน กศน.กำหนดเป็นเลข 0
(
กผ.ให้กำหนดรหัสทางเว็บไซต์ ซึ่งขึ้นต้นด้วย G แต่
ศกพ.ให้กำหนดรหัสเป็นเลข 0 ตามโปรแกรมสำนักงาน กศน. )
ปกติสถานศึกษาต้องปฏิบัติตามหนังสือแจ้งฉบับล่าสุด
คือฉบับของ ศกพ. แต่ผมสงสัยว่า ประกาศ ศธ.ฉบับเดียวกัน ทำไมแนวปฏิบัติไม่เหมือนกัน
จึงถามเรื่องนี้กับ ศกพ. ( อ.ฐิตาพร ) เมื่อวันที่ 15 พ.ค.
อ.ฐิตาพร ได้ไปคุยกับ กผ. และบอกผมในวันที่ 16 พ.ค. โดยสรุปว่า ให้ดำเนินการกำหนดรหัสประจำตัวของ นศ.ที่ไม่มีหลักฐานทางทะบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ( ที่ยังไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก เพราะยังไม่ไปขึ้นทะเบียนและจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวกับหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย ) ทางเว็บไซต์ระบบกลางกำหนดรหัส ขึ้นต้นด้วย G ไม่ใช่เลข 0
อ.ฐิตาพร ได้ไปคุยกับ กผ. และบอกผมในวันที่ 16 พ.ค. โดยสรุปว่า ให้ดำเนินการกำหนดรหัสประจำตัวของ นศ.ที่ไม่มีหลักฐานทางทะบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย ( ที่ยังไม่มีเลขประจำตัว 13 หลัก เพราะยังไม่ไปขึ้นทะเบียนและจัดทำทะเบียนประวัติและบัตรประจำตัวกับหน่วยงานกระทรวงมหาดไทย ) ทางเว็บไซต์ระบบกลางกำหนดรหัส ขึ้นต้นด้วย G ไม่ใช่เลข 0
ดูหนังสือแจ้งฉบับของ
กผ. ได้ที่ https://www.dropbox.com/s/2mp4qr6r8f7lepv/NoThaiStudent.pdf?dl=1
ซึ่งหนังสือฉบับนี้ ส่งคู่มือการใช้งานระบบกำหนดรหัสมาด้วย ( แต่ตอนนี้ เว็บไซต์ระบบกำหนดรหัส นศ. เปลี่ยนเป็น http://www.gcode.moe.go.th แล้วนะ ขอให้แก้ในคู่มือด้วย )
ซึ่งหนังสือฉบับนี้ ส่งคู่มือการใช้งานระบบกำหนดรหัสมาด้วย ( แต่ตอนนี้ เว็บไซต์ระบบกำหนดรหัส นศ. เปลี่ยนเป็น http://www.gcode.moe.go.th แล้วนะ ขอให้แก้ในคู่มือด้วย )
2. เช้าวันที่ 17
พ.ค.61 มี ผอ.กศน.อำเภอ ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ลูกจ้างเหมา ด้วยวิธีพัสดุ มีสิทธิ์ลาได้ไหม
เช่น ครู ศรช ปวช ครูผู้สอนคนพิการ
ผมตอบว่า คำถามนี้มีผู้ถามซ้ำให้ผมตอบเป็นระยะ ๆ
“ผู้รับจ้าง”เหมาบริการตามระเบียบพัสดุ ถือเป็นบุคคลภายนอกหรือเอกชน ไม่ใช่ลูกจ้าง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ใช่ลูกจ้างชั่วคราว จึงไม่มีระเบียบให้ลา ( ผู้บริหารบางท่านยังบอกว่าเป็นลูกจ้างชั่วคราว ถ้าเป็นลูกจ้างชั่วคราวก็จะมีระเบียบการลาของลูกจ้างชั่วคราว แต่ผู้รับจ้างเหมาบริการไม่ใช่ลูกจ้างชั่วคราว ที่ถูกต้องในใบสั่งจ้าง/สัญญาจ้างต้องใช้คำว่า ผู้จ้าง/ผู้รับจ้าง ไม่ใช่ นายจ้าง/ลูกจ้าง )
เมื่อไม่มีระเบียบให้ลาโดยได้รับค่าตอบแทน ก็ต้องให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา
เรื่องนี้ สำนักฯ กศน. เคยซ้อมความเข้าใจแล้ว ตามหนังสือสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 0210.117/1150 ลงวันที่ 24 ก.พ.2548 เรื่องซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายในการจ้างเอกชนดำเนินงานของส่วนราชการ
ในหนังสือนี้ ระบุในข้อ 3. ว่า "กรณีไม่มาทำงานอาจหาผู้อื่นมาทำงานแทนหรือบอกกล่าวล่วงหน้าหากเกิดความเสียหายแก่ทางราชการเนื่องจากการไม่มาทำงานนั้นอาจกำหนดค่าปรับสำหรับความเสียหายดังกล่าวได้ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือกรมบัญชีกลางที่จัดส่งมาพร้อมหนังสือฉบับนี้"
เมื่อเปิดไปอ่านหนังสือกรมบัญชีกลางที่แนบมา ระบุในข้อ 3. ว่า
"เนื่องจากการจ้างเอกชนดำเนินงานของส่วนราชการมุ่งผลสำเร็จของงานที่ว่าจ้าง ...ผู้ว่าจ้างมีเพียงอำนาจในการตรวจตรางานและสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขเมื่องานผิดพลาดบกพร่อง ... ผู้รับจ้างไม่ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับอื่น ๆ เช่นการลาหยุด ... การลงลายมือชื่อในบัญชีลงเวลาปฏิบัติราชการ ... การปฏิบัติงานอาจใช้วิธีบันทึกเวลาการมาทำงานว่ามาทำงานตามที่ตกลงไว้ก็ได้ กรณีไม่มาทำงานอาจหาผู้อื่นมาทำงานแทนหรือบอกกล่าวล่วงหน้า หากเกิดความเสียหายแก่ทางราชการเนื่องจากการไม่มาทำงานนั้นอาจกำหนดค่าปรับสำหรับความเสียหายดังกล่าวได้ ..."
( ดูหนังสือนี้ ได้ในข้อ 3 ที่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/478002
แต่ ในหนังสือ “สาระน่ารู้...คู่งานคลัง ปี 2551” ของกลุ่มงานคลัง กศน. บอกว่า กระทรวงการคลังได้นำข้อกำหนดในหนังสือนี้ ไปรวมไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการ พ.ศ.2549 ข้อ 11 แล้ว )
“ผู้รับจ้าง”เหมาบริการตามระเบียบพัสดุ ถือเป็นบุคคลภายนอกหรือเอกชน ไม่ใช่ลูกจ้าง ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่ใช่ลูกจ้างชั่วคราว จึงไม่มีระเบียบให้ลา ( ผู้บริหารบางท่านยังบอกว่าเป็นลูกจ้างชั่วคราว ถ้าเป็นลูกจ้างชั่วคราวก็จะมีระเบียบการลาของลูกจ้างชั่วคราว แต่ผู้รับจ้างเหมาบริการไม่ใช่ลูกจ้างชั่วคราว ที่ถูกต้องในใบสั่งจ้าง/สัญญาจ้างต้องใช้คำว่า ผู้จ้าง/ผู้รับจ้าง ไม่ใช่ นายจ้าง/ลูกจ้าง )
เมื่อไม่มีระเบียบให้ลาโดยได้รับค่าตอบแทน ก็ต้องให้เป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุในสัญญา
เรื่องนี้ สำนักฯ กศน. เคยซ้อมความเข้าใจแล้ว ตามหนังสือสำนักบริหารงานการศึกษานอกโรงเรียน ด่วนที่สุด ที่ ศธ 0210.117/1150 ลงวันที่ 24 ก.พ.2548 เรื่องซ้อมความเข้าใจเกี่ยวกับการเบิกค่าใช้จ่ายในการจ้างเอกชนดำเนินงานของส่วนราชการ
ในหนังสือนี้ ระบุในข้อ 3. ว่า "กรณีไม่มาทำงานอาจหาผู้อื่นมาทำงานแทนหรือบอกกล่าวล่วงหน้าหากเกิดความเสียหายแก่ทางราชการเนื่องจากการไม่มาทำงานนั้นอาจกำหนดค่าปรับสำหรับความเสียหายดังกล่าวได้ รายละเอียดปรากฏตามหนังสือกรมบัญชีกลางที่จัดส่งมาพร้อมหนังสือฉบับนี้"
เมื่อเปิดไปอ่านหนังสือกรมบัญชีกลางที่แนบมา ระบุในข้อ 3. ว่า
"เนื่องจากการจ้างเอกชนดำเนินงานของส่วนราชการมุ่งผลสำเร็จของงานที่ว่าจ้าง ...ผู้ว่าจ้างมีเพียงอำนาจในการตรวจตรางานและสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขเมื่องานผิดพลาดบกพร่อง ... ผู้รับจ้างไม่ต้องอยู่ภายใต้ระเบียบข้อบังคับอื่น ๆ เช่นการลาหยุด ... การลงลายมือชื่อในบัญชีลงเวลาปฏิบัติราชการ ... การปฏิบัติงานอาจใช้วิธีบันทึกเวลาการมาทำงานว่ามาทำงานตามที่ตกลงไว้ก็ได้ กรณีไม่มาทำงานอาจหาผู้อื่นมาทำงานแทนหรือบอกกล่าวล่วงหน้า หากเกิดความเสียหายแก่ทางราชการเนื่องจากการไม่มาทำงานนั้นอาจกำหนดค่าปรับสำหรับความเสียหายดังกล่าวได้ ..."
( ดูหนังสือนี้ ได้ในข้อ 3 ที่ http://www.gotoknow.org/blogs/posts/478002
แต่ ในหนังสือ “สาระน่ารู้...คู่งานคลัง ปี 2551” ของกลุ่มงานคลัง กศน. บอกว่า กระทรวงการคลังได้นำข้อกำหนดในหนังสือนี้ ไปรวมไว้ในระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการเบิกจ่ายเงินเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายในการบริหารงานของส่วนราชการ พ.ศ.2549 ข้อ 11 แล้ว )
สรุป คือ ให้เป็นไปตามที่ตกลง
โดยสามารถกำหนดไว้ในข้อตกลงหรือสัญญาจ้างหรือเอกสารแนบท้ายสัญญา
เช่นกำหนดว่าให้มาทำงานสัปดาห์ละกี่วัน
ซึ่ง ตามแบบฟอร์มสัญญาจ้างของเรา กำหนดไว้ในผนวก 3 เรื่องการปรับ ( หักค่าจ้างเหมาจ่ายรายวัน ) กรณีไม่มาทำงาน ดูแบบฟอร์มสัญญจ้างนี้ได้ที่ https://www.dropbox.com/s/0yevos15vb5ixx6/teacherJang.pdf?dl=1
ซึ่ง ตามแบบฟอร์มสัญญาจ้างของเรา กำหนดไว้ในผนวก 3 เรื่องการปรับ ( หักค่าจ้างเหมาจ่ายรายวัน ) กรณีไม่มาทำงาน ดูแบบฟอร์มสัญญจ้างนี้ได้ที่ https://www.dropbox.com/s/0yevos15vb5ixx6/teacherJang.pdf?dl=1
ในทางปฏิบัติ เรามักจะเห็นใจ
คือถ้าหยุดเพียงไม่กี่วันโดยบอกกล่าวล่วงหน้า
ผู้จ้างและคณะกรรมการตรวจรับการจ้างเห็นว่าเดือนนั้นมีผลงานตามปกติ
ไม่มีอะไรผิดพลาดบกพร่องเสียหาย
ก็อาจเซ็นตรวจรับการจ้างให้เบิกค่าตอบแทนเต็มโดยไม่ต้องมีคนทำงานแทนก็ได้
ถ้าหยุดหลายวันจึงให้หาผู้อื่นมาทำงานแทน
กรณีหยุดตลอดทั้งเดือน เช่นคลอดบุตร ปกติต้องงดเบิกค่าจ้าง ผู้บริหารบางท่านอาจให้เขาหาคนมาทำงานแทน โดยอนุโลมเป็นการภายใน ถ้าไม่มีคนร้องก็คงไม่เป็นไร
ซึ่งการอนุโลมให้หยุดทั้งเดือนโดยได้รับค่าตอบแทน เป็นการภายในนี้ จริง ๆ แล้วไม่ถูกระเบียบ อาจมีปัญหาตามในข้อ 6 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2014/04/altc.html
3. วันที่ 21 พ.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า นศ. มาขอคัดสำเนารบ. หลักสูตร 30 จบปี 39 เพื่อศึกษาต่อ งานทะเบียนตรวจค้นมีรายชืี่อจบจริง ไม่พบต้นฉบับ มีแต่ขั้วเลขที่รบ. ได้ออกหนังสือรับรองการจบแล้วแต่ทางวิทยาลัยไม่ยอม ทางกศน. ต้องทำอย่างไรคะ ขอคำแนะนำหน่อยคะ
กรณีหยุดตลอดทั้งเดือน เช่นคลอดบุตร ปกติต้องงดเบิกค่าจ้าง ผู้บริหารบางท่านอาจให้เขาหาคนมาทำงานแทน โดยอนุโลมเป็นการภายใน ถ้าไม่มีคนร้องก็คงไม่เป็นไร
ซึ่งการอนุโลมให้หยุดทั้งเดือนโดยได้รับค่าตอบแทน เป็นการภายในนี้ จริง ๆ แล้วไม่ถูกระเบียบ อาจมีปัญหาตามในข้อ 6 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2014/04/altc.html
3. วันที่ 21 พ.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า นศ. มาขอคัดสำเนารบ. หลักสูตร 30 จบปี 39 เพื่อศึกษาต่อ งานทะเบียนตรวจค้นมีรายชืี่อจบจริง ไม่พบต้นฉบับ มีแต่ขั้วเลขที่รบ. ได้ออกหนังสือรับรองการจบแล้วแต่ทางวิทยาลัยไม่ยอม ทางกศน. ต้องทำอย่างไรคะ ขอคำแนะนำหน่อยคะ
ผมถามว่า ออกหนังสือรับรองการจบแบบไหนให้เขา
ผู้ถามบอกว่า ใช้แบบหนังสือรับรองทั่วไปตามโปรแกรม it คะ
ผู้ถามบอกว่า ใช้แบบหนังสือรับรองทั่วไปตามโปรแกรม it คะ
ผมตอบว่า ดูในคำตอบเก่า ๆ นะ
ให้ออกหนังสือรับรองตามแบบฟอร์มที่เคยตอบ (
เคยลงไว้ทั้งแบบฟอร์มหนังสือรับรอง และหนังสือแจ้งเรื่องนี้ ) ควรสำเนาหนังสือแจ้งเรื่องนี้แนบหนังสือรับรองให้เขาไปด้วย
ถ้าทางวิทยาลัยไม่ยอมอีกเราก็ทำอะไรอีกไม่ได้ นศ.เราก็คงศึกษาต่อวิทยาลัยนี้ไม่ได้
ดูคำตอบเก่า ๆ เช่นใน
- https://www.gotoknow.org/posts/442192
- ข้อ 2 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/535023
- ข้อ 4 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/472755
4. ถาม : ได้ใบรับรองแพทย์แบบนี้มาค่ะ ( ตามภาพประกอบ ) แต่ คนตรวจเอกสารบอกว่าไม่ใช่ รพ ออก
ดูคำตอบเก่า ๆ เช่นใน
- https://www.gotoknow.org/posts/442192
- ข้อ 2 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/535023
- ข้อ 4 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/472755
4. ถาม : ได้ใบรับรองแพทย์แบบนี้มาค่ะ ( ตามภาพประกอบ ) แต่ คนตรวจเอกสารบอกว่าไม่ใช่ รพ ออก
ตอบ
1) คำว่าสถานพยาบาลของรัฐ ไม่ได้แปลว่าโรงพยาบาลของรัฐอย่างเดียว แต่หมายความรวมถึง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ( รพสต.) และ “คลินิกในเครือข่ายประกันสังคมที่อยู่ในเครือข่ายโรงพยาบาลของรัฐ” ด้วย
2) ตามกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยโรค พ.ศ.2549 ไม่ได้กำหนดว่า แบบฟอร์มใบรับรองแพทย์ต้องออกแบบโดยใคร อย่างไร ประเด็นอยู่ที่ ต้องไม่ป่วย 5 โรค
แบบฟอร์มนี้รับรองไว้ทั้ง 5 โรค โดยระบุเรื่อง ไม่ติดสุราเรื้อรัง กับ ไม่ติดยาเสพติด ไว้ใน 3 บรรทัดก่อนขึ้นชื่อโรคที่ 1
ฉะนั้นจึงใช้ได้ เพราะระบุครบทั้ง 5 โรค
ที่จริงแบบฟอร์มนี้แหละเป็นแบบที่ถูกต้อง โดยแพทยสภากำหนดให้เปลี่ยนมาใช้แบบนี้ตั้งแต่ปี 2551 แล้ว แต่สถานพยาบาลทั่วประเทศยังรู้กันไม่ทั่วถึง ( คงคล้ายกับ กศน.เรา มีระเบียบหลักเกณฑ์ออกมาใหม่ก็รู้กันไม่ทั่วถึง บางคนรู้แต่เห็นว่าไม่สำคัญ แบบฟอร์มเก่ายังเหลืออยู่ )
1) คำว่าสถานพยาบาลของรัฐ ไม่ได้แปลว่าโรงพยาบาลของรัฐอย่างเดียว แต่หมายความรวมถึง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ( รพสต.) และ “คลินิกในเครือข่ายประกันสังคมที่อยู่ในเครือข่ายโรงพยาบาลของรัฐ” ด้วย
2) ตามกฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยโรค พ.ศ.2549 ไม่ได้กำหนดว่า แบบฟอร์มใบรับรองแพทย์ต้องออกแบบโดยใคร อย่างไร ประเด็นอยู่ที่ ต้องไม่ป่วย 5 โรค
แบบฟอร์มนี้รับรองไว้ทั้ง 5 โรค โดยระบุเรื่อง ไม่ติดสุราเรื้อรัง กับ ไม่ติดยาเสพติด ไว้ใน 3 บรรทัดก่อนขึ้นชื่อโรคที่ 1
ฉะนั้นจึงใช้ได้ เพราะระบุครบทั้ง 5 โรค
ที่จริงแบบฟอร์มนี้แหละเป็นแบบที่ถูกต้อง โดยแพทยสภากำหนดให้เปลี่ยนมาใช้แบบนี้ตั้งแต่ปี 2551 แล้ว แต่สถานพยาบาลทั่วประเทศยังรู้กันไม่ทั่วถึง ( คงคล้ายกับ กศน.เรา มีระเบียบหลักเกณฑ์ออกมาใหม่ก็รู้กันไม่ทั่วถึง บางคนรู้แต่เห็นว่าไม่สำคัญ แบบฟอร์มเก่ายังเหลืออยู่ )
5. วันที่ 24
พ.ค.61 มีครูชำนาญการพิเศษ นายทะเบียน กศน.อำเภอ โทร.มาถามผม ว่า
จังหวัดให้แก้รหัสประจำตัว นศ.ที่ไม่มีหลักฐานทางทะเบียนราษฎรหรือไม่มีสัญชาติไทย
ให้ขึ้นต้นด้วย G
โดยออกรหัสทางเว็บไซต์ระบบกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียน ทั้ง ๆ ที่
นศ.รายนี้ มีเลขประจำตัว 13 หลักซึ่งได้จากการขึ้นทะเบียนที่หน่วยงานมหาดไทยมาแล้ว
ถามว่า ต้องแก้ให้ขึ้นต้นด้วย G ทุกคนหรือ
ถามว่า ต้องแก้ให้ขึ้นต้นด้วย G ทุกคนหรือ
ผมตอบว่า ให้แก้รหัสประจำตัว นศ.เฉพาะที่เราออกรหัสประชาชนเองด้วยโปรแกรม
ITw ( โปรแกรม ITw
รุ่นก่อน 9 เม.ย.61 จะมีปุ่มรูปไม้กายสิทธิ์
อยู่ข้างที่กรอกรหัสประจำตัวประชาชน เมื่อเรากดปุ่มนี้
โปรแกรมจะออกรหัสประจำตัวให้คนต่างด้าวที่ยังไม่มีเลขประจำตัวประชาชน ขึ้นต้นด้วย
0 ) แต่โปรแกรมรุ่น 9 เม.ย.61 จะไม่มีปุ่มนี้แล้ว ห้ามออกรหัสเองด้วยโปรแกรม ITw
แบบนี้แล้ว ถ้าใครออกรหัสเองแบบนี้ไปแล้วต้องแก้ใหม่
โดยใช้รหัสใหม่ที่ออกทางเว็บไซต์ระบบกลางกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียนของกระทรวงศึกษาธิการ
ขึ้นต้นด้วย G
แต่ถ้าคนต่างด้าวรายใดไปขึ้นทะเบียนได้รหัส 13 หลักมาจากหน่วยงานมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องใช้รหัสของเขา
ถ้าอ่านในประกาศ ศธ.ตามภาพประกอบโพสตฺนี้ เรื่องนี้ จะเข้าใจ คือ
1) หากมีเลขประจำตัว 13 หลัก ให้ดำเนินการตามขั้นตอนตามปกติของสถานศึกษา
หากไม่มี ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนในการกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียนตามที่หน่วยงานต้นสังกัดกำหนด ( G ) ไปจนกว่า นศ.จะได้เลขประจำตัว 13 หลักตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
2) เมื่อขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา รหัส G แล้ว สถานศึกษาต้องประสานผู้เรียน/ผู้ปกครอง ให้เขาไปขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เขาพักอาศัยอยู่ในท้องที่ใด ก็ไปขึ้นทะเบียนที่ฝ่ายทะเบียนของหน่วยงานมหาดไทยท้องที่นั้น
3) ถ้า นศ.ไปขึ้นทะเบียน ได้รับรหัสประจำตัว 13 หลัก จากหน่วยงานมหาดไทยมาแจ้งเราก่อนเรียนจบ เราต้องแก้รหัสประจำตัว 13 หลักในทะเบียน ตามรหัสของมหาดไทย แทนรหัสที่ขึ้นต้นด้วย G
แต่ถ้าคนต่างด้าวรายใดไปขึ้นทะเบียนได้รหัส 13 หลักมาจากหน่วยงานมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว ก็ต้องใช้รหัสของเขา
ถ้าอ่านในประกาศ ศธ.ตามภาพประกอบโพสตฺนี้ เรื่องนี้ จะเข้าใจ คือ
1) หากมีเลขประจำตัว 13 หลัก ให้ดำเนินการตามขั้นตอนตามปกติของสถานศึกษา
หากไม่มี ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนในการกำหนดรหัสประจำตัวผู้เรียนตามที่หน่วยงานต้นสังกัดกำหนด ( G ) ไปจนกว่า นศ.จะได้เลขประจำตัว 13 หลักตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร
2) เมื่อขึ้นทะเบียนเป็นนักศึกษา รหัส G แล้ว สถานศึกษาต้องประสานผู้เรียน/ผู้ปกครอง ให้เขาไปขึ้นทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎร เขาพักอาศัยอยู่ในท้องที่ใด ก็ไปขึ้นทะเบียนที่ฝ่ายทะเบียนของหน่วยงานมหาดไทยท้องที่นั้น
3) ถ้า นศ.ไปขึ้นทะเบียน ได้รับรหัสประจำตัว 13 หลัก จากหน่วยงานมหาดไทยมาแจ้งเราก่อนเรียนจบ เราต้องแก้รหัสประจำตัว 13 หลักในทะเบียน ตามรหัสของมหาดไทย แทนรหัสที่ขึ้นต้นด้วย G
6. ค่ำวันเสาร์ที่ 26
พ.ค.61 มีผู้ถามในกลุ่มไลน์ ITw NFE ว่า สงสัยว่า... ครู กศน. ต้องมี ชม. สอน กี่ ชม.
ต่อสัปดา
ผมตอบว่า มันมีหลายเกณฑ์ เช่นเกณฑ์สำหรับข้าราชการครู
กศน.,
เกณฑ์สำหรับผู้ที่จะมีสิทธิขอหนังสืออนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาโดยไม่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ+เรียน
ป.บัณฑิต ( อย่างน้อย 10 ชม.), เป็นต้น
ส่วนเกณฑ์สำหรับครู กศน.ทั่วไป กำหนดเกณฑ์ด้วยจำนวน นศ. ไม่ได้กำหนดเกณฑ์จำนวน ชม.ต่อสัปดาห์
แต่ เกณฑ์สำหรับ นักศึกษา กศ.ขั้นพื้นฐาน วิธีเรียนแบบพบกลุ่ม ต้องมาพบกลุ่มสัปดาห์ละ 6 ชม. ฉะนั้น ถ้าครูคนใดมี นศ.แบบพบกลุ่ม เพียงระดับเดียว กลุ่มเดียว ก็สอนสัปดาห์ละเพียง 6 ชม.ได้ ( ถ้าไม่ขอหนังสืออนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาฯ+เรียน ป.บัณฑิต, ไม่ทำวิทยฐานะ นะ ) ถ้าเขามี นศ. 2 กลุ่ม หรือ 2 ระดับ ก็ต้องเป็นสัปดาห์ 12 ชม., 3 ระดับ 18 ชม.
ส่วนเกณฑ์สำหรับครู กศน.ทั่วไป กำหนดเกณฑ์ด้วยจำนวน นศ. ไม่ได้กำหนดเกณฑ์จำนวน ชม.ต่อสัปดาห์
แต่ เกณฑ์สำหรับ นักศึกษา กศ.ขั้นพื้นฐาน วิธีเรียนแบบพบกลุ่ม ต้องมาพบกลุ่มสัปดาห์ละ 6 ชม. ฉะนั้น ถ้าครูคนใดมี นศ.แบบพบกลุ่ม เพียงระดับเดียว กลุ่มเดียว ก็สอนสัปดาห์ละเพียง 6 ชม.ได้ ( ถ้าไม่ขอหนังสืออนุญาตประกอบวิชาชีพทางการศึกษาฯ+เรียน ป.บัณฑิต, ไม่ทำวิทยฐานะ นะ ) ถ้าเขามี นศ. 2 กลุ่ม หรือ 2 ระดับ ก็ต้องเป็นสัปดาห์ 12 ชม., 3 ระดับ 18 ชม.
ผู้ถาม ๆ ต่ออีกว่า กรต.อีก 3 ขม.?
ผมตอบว่า ที่รวม กรต.อีก 3 ชม. เป็น 9 ชม.นั้น คือสมัยท่านประเสริฐ บุญเรือง เป็น เลขาฯ ตอนนี้กลับไปเหลือ 6 ชม.แล้ว
7. วันที่ 25 พ.ค.61 มีผู้ถามผมทางไลน์ ว่า นศ.บางคน วิชาที่เรียนผ่านแล้ว ทยอยหมดอายุเป็นงูกินหาง ถ้าเขาใช้วิธีลาออก สมัครใหม่ที่เดิม แล้วโอนวิชาที่ยังไม่หมดอายุ เพื่อเรียนต่อ ทำแบบนี้ถูกหรือผิด วิธีนี้บางคนบอกว่าทำไม่ได้ ห้ามโอนในสถานศึกษาเดียวกัน
ผมตอบว่า ที่รวม กรต.อีก 3 ชม. เป็น 9 ชม.นั้น คือสมัยท่านประเสริฐ บุญเรือง เป็น เลขาฯ ตอนนี้กลับไปเหลือ 6 ชม.แล้ว
7. วันที่ 25 พ.ค.61 มีผู้ถามผมทางไลน์ ว่า นศ.บางคน วิชาที่เรียนผ่านแล้ว ทยอยหมดอายุเป็นงูกินหาง ถ้าเขาใช้วิธีลาออก สมัครใหม่ที่เดิม แล้วโอนวิชาที่ยังไม่หมดอายุ เพื่อเรียนต่อ ทำแบบนี้ถูกหรือผิด วิธีนี้บางคนบอกว่าทำไม่ได้ ห้ามโอนในสถานศึกษาเดียวกัน
เรื่องนี้ ผมไม่เห็นมีระเบียบหลักเกณฑ์ห้าม โปรแกรม ITw ก็ทำได้ แต่เพื่อความแน่ใจผมจึงถามเรื่องนี้กับ อ.กิตติพงษ์
กลุ่มพัฒนา กศน.
อ.กิตติพงษ์ บอกว่า ไม่ได้ห้าม
อ.กิตติพงษ์ บอกว่า ไม่ได้ห้าม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย