สัปดาห์นี้มีเรื่องที่คิดว่าน่าสนใจ
ขอเลือกมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ 7 เรื่อง ดังนี้
1. วันที่ 28 ม.ค.58 สบาย สบาย กับ สกายนนท์ ครู ศรช. กศน.ข.ทวีวัฒนา เขียนในอินบ็อกซ์ผม ว่า หาวิธีการคิดคะแนนของ sar ปี 54 ให้เป็นร้อยละไม่เจอ รบกวนช่วยบอกอีกครั้ง
1. วันที่ 28 ม.ค.58 สบาย สบาย กับ สกายนนท์ ครู ศรช. กศน.ข.ทวีวัฒนา เขียนในอินบ็อกซ์ผม ว่า หาวิธีการคิดคะแนนของ sar ปี 54 ให้เป็นร้อยละไม่เจอ รบกวนช่วยบอกอีกครั้ง
ผมตอบว่า จะเปรียบเทียบคะแนน SAR 3 ปีใช่ไหม
ถ้าใช่ จะเปรียบเทียบกันด้วยคะแนนรวมเพียงตัวเดียวเท่านั้น
ถ้าคะแนนเต็มแต่ละปีเท่ากัน ก็นำคะแนนที่ได้มาเปรียบเทียบกันได้เลย
ถ้าคะแนนเต็มไม่เท่ากันก็ต้องปรับสัดส่วนแปลงคะแนนให้คะแนนเต็มเท่ากันกันก่อน เช่น
สมมุติว่า SAR ปี 54 คะแนนเต็ม 5
แต่ SAR ปี 55-56 คะแนนเต็ม
100 ก็ปรับให้คะแนนเต็มของทุกปี เป็น 5 ทั้งหมด หรือเป็น 100 ทั้งหมด แต่ปกติจะแปลงเป็นคะแนนเต็ม 5 นะ เพราะจะดูด้วยว่าได้คะแนนถึง 4.5 จากคะแนนเต็ม 5
หรือไม่
เปรียบเทียบย้อนหลัง 3 ปี ถ้าคะแนนสูงขึ้นทุกปี ( หรือถ้าคะแนนถึง 4.5 ขึ้นไปจากคะแนนเต็ม 5 แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสูงขึ้นอีก ) จึงจะได้คะแนนตัวบ่งชี้นี้เต็ม ประเด็นนี้ถ้าเป็นการประเมินภายในจะอยู่ในตัวบ่งชี้ที่ 4.2 ถ้าเป็นการประเมินภายนอกของ สมศ. จะอยู่ในตัวบ่งชี้ที่ 8
เช่น สมมุติว่า
- ปี 54 คะแนนรวม SAR ได้ 4.2 จากคะแนนเต็ม 5 ( ไม่ต้องปรับ เพราะคะแนนเต็มเป็น 5 อยู่แล้ว )
- ปี 55 คะแนนรวม SAR ได้ 92.00 จากคะแนนเต็ม 100 ก็เทียบสัดส่วนให้คะแนนเต็ม 5
= (92 X 5) หารด้วย 100 จะได้ 4.6
- ปี 56 คะแนนรวม SAR ได้ 90.00 จากคะแนนเต็ม 100 ก็เทียบสัดส่วนให้คะแนนเต็ม 5
= (90 X 5) หารด้วย 100 จะได้ 4.5
จะเห็นว่า คะแนน SAR 3 ปีย้อนหลัง คือ 4.2, 4.6 และ 4.5 แม้จะไม่สูงขึ้นทุกปี โดยปี 56 ต่ำกว่าปี 55 แต่ ปี 56 คะแนนถึง 4.5 อย่างนี้ก็ได้คะแนนเต็มในด้านพัฒนาการ ของตัวบ่งชี้นี้
เปรียบเทียบย้อนหลัง 3 ปี ถ้าคะแนนสูงขึ้นทุกปี ( หรือถ้าคะแนนถึง 4.5 ขึ้นไปจากคะแนนเต็ม 5 แล้วก็ไม่จำเป็นต้องสูงขึ้นอีก ) จึงจะได้คะแนนตัวบ่งชี้นี้เต็ม ประเด็นนี้ถ้าเป็นการประเมินภายในจะอยู่ในตัวบ่งชี้ที่ 4.2 ถ้าเป็นการประเมินภายนอกของ สมศ. จะอยู่ในตัวบ่งชี้ที่ 8
เช่น สมมุติว่า
- ปี 54 คะแนนรวม SAR ได้ 4.2 จากคะแนนเต็ม 5 ( ไม่ต้องปรับ เพราะคะแนนเต็มเป็น 5 อยู่แล้ว )
- ปี 55 คะแนนรวม SAR ได้ 92.00 จากคะแนนเต็ม 100 ก็เทียบสัดส่วนให้คะแนนเต็ม 5
= (92 X 5) หารด้วย 100 จะได้ 4.6
- ปี 56 คะแนนรวม SAR ได้ 90.00 จากคะแนนเต็ม 100 ก็เทียบสัดส่วนให้คะแนนเต็ม 5
= (90 X 5) หารด้วย 100 จะได้ 4.5
จะเห็นว่า คะแนน SAR 3 ปีย้อนหลัง คือ 4.2, 4.6 และ 4.5 แม้จะไม่สูงขึ้นทุกปี โดยปี 56 ต่ำกว่าปี 55 แต่ ปี 56 คะแนนถึง 4.5 อย่างนี้ก็ได้คะแนนเต็มในด้านพัฒนาการ ของตัวบ่งชี้นี้
แต่.. ตอนทำ SAR ( ประเมินภายในโดยสถานศึกษาประเมินตนเอง
) ปี 57 จะเปรียบเทียบคะแนน SAR ย้อนหลัง
3 ปี คือปี 54-56
แตกต่างจากการประเมินภายนอก ถ้าคณะกรรมการเข้าประเมินในช่วงปีงบประมาณ
2558 นี้ จะเปรียบเทียบคะแนน SAR ย้อนหลัง
3 ปี คือปี 55-57
นะ
( เคยตอบเรื่องนี้ในข้อ 3 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/503537 )
2. ดึกวันที่ 29 ม.ค.58 ครูปู ภัทรนันท์ สว่างวิจิตรา ถามบนไทม์ไลน์ผม ว่า การเชิญธงชาติที่ถูกต้องถ้าหันหน้าเข้าหาเสาธงแล้ว ผู้หญิงยืนฝั่งไหน เห็นตามโรงเรียนประถมผู้หญิงยืนด้านขวา แต่ลูกเสือผู้หญิงยืนซ้าย
( เคยตอบเรื่องนี้ในข้อ 3 ที่ https://www.gotoknow.org/posts/503537 )
2. ดึกวันที่ 29 ม.ค.58 ครูปู ภัทรนันท์ สว่างวิจิตรา ถามบนไทม์ไลน์ผม ว่า การเชิญธงชาติที่ถูกต้องถ้าหันหน้าเข้าหาเสาธงแล้ว ผู้หญิงยืนฝั่งไหน เห็นตามโรงเรียนประถมผู้หญิงยืนด้านขวา แต่ลูกเสือผู้หญิงยืนซ้าย
ผมตอบว่า ผู้ที่ยืนด้านขวา
จะเป็นผู้แก้เชือกจากเสาก่อนเริ่มชักธง และเป็นผู้ผูกเชือกกับเสาเมื่อชักธงเสร็จ
โดยเมื่อเริ่มชักธง ธงจะอยู่กับผู้ที่ยืนด้านขวานี้
ผู้ที่ยืนด้านซ้ายจะเป็นผู้ชักธง ผู้ที่ยืนด้านขวาเป็นผู้ปล่อยเชือกตามเฉย ๆ
กรณีที่ผู้ชักธงเป็นหญิงกับชาย ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้การชักหรือการแสดงธงชาติและธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ.2529 และ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา พ.ศ. 2547 ไม่ได้กำหนดว่าชายหรือหญิงจะต้องยืนอยู่ด้านใด ชายจะยืนด้านซ้ายหรือขวาก็ได้ ถ้าหญิงยืนอยู่ด้ายซ้าย หญิงจะเป็นผู้ชักธง ถ้าหญิงยืนอยู่ด้านขวาหญิงจะเป็นผู้แก้เชือกและผูกเชือกที่เสา แต่ สำหรับลูกเสือ กำหนดว่ากรณีที่ผู้ชักธงเป็นหญิงกับชาย ให้หญิงยืนด้านซ้าย ( เป็นผู้ชักธง ) ชายยืนด้านขวา
3. วันที่ ( 30 ม.ค.58 ) ผมเรียนถามท่าน ผอ.กจ.ว่า ตอนนี้มีอัตราว่างของสถานศึกษาทั่วไป 98 อัตรา และของศูนย์วิทย์ฯอีก 21 อัตรา แต่บัญชีครูผู้ช่วยศูนย์วิทย์ไม่เหลือผู้ขึ้นบัญชีค้างอยู่แล้ว จะนำผู้ขึ้นบัญชีทั่วไป ไปบรรจุที่ศูนย์วิทย์ฯได้หรือไม่ ท่าน ผอ.กจ.บอกว่า ไม่ได้ และจะไปบรรจุในบัญชีจังหวัดชานแดนใต้ก็ไม่ได้เช่นกัน บรรจุข้ามกลุ่มไม่ได้ แต่ ข้าราชการเก่าทั้ง 3 กลุ่มนี้ สามารถขอย้ายข้ามกลุ่มได้ ( จะย้ายไปศูนย์วิทย์ฯ ต้องจบเอกวิทย์ )
ฉะนั้นจึงจะเรียกบรรจุครูผู้ช่วยได้เพียง 2 บัญชี รวมประมาณ 98 คน แต่จะเท่าไรแน่ยังบอกไม่ได้ เพราะถ้ามี ขรก.ครูเก่า จากสถานศึกษาทั่วไปทั้งชายแดนใต้และจังหวัดอื่น ย้ายไปศูนย์วิทย์ ก็จะเกิดอัตราว่างในบัญชีทั่วไปกับบัญชีชายแดนใต้ รวมบรรจุได้มากกว่า 98 คน ในทางกลับกัน ถ้ามี ขรก.ครูเก่าจากศูนย์วิทย์ย้ายมาสถานศึกษาทั่วไป ก็จะเหลืออัตราว่างสำหรับ 2 บัญชีนี้น้อยกว่า 98 อัตรา
จำนวนตำแหน่งว่างที่จะเรียกบรรจุในบัญชีทั่วไปกับบัญชีชายแดนใต้ ก็ยังบอกไม่ได้เช่นกันว่าจะบรรจุได้บัญชัละอีกกี่คน รู้แต่ว่ารวมประมาณ 98 คน เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีครูเก่าชายแดนใต้ย้ายมาจังหวัดทั่วไปกี่คน หรือมีครูเก่าจากจังหวัดทั่วไปย้ายไปชายแดนใต้กี่คน ( กลุ่มไหนย้ายออกมากกว่าย้ายเข้า ก็จะมีอัตราว่างในบัญชีนั้นมากขึ้น )
การให้ขอย้ายครั้งนี้ บรรณารักษ์ขอโอนเป็นครูไม่ได้ เรื่องบรรณารักษ์โอนเป็นครูผ่านมาแล้ว ต้องรอครั้งต่อไป หนังสือฉบับนี้ถ้าบรรณารักษ์จะขอย้ายเปลี่ยนตำแหน่งต้องเป็นตำแหน่งในประเภทบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ด้วยกัน
4. คืนวันที่ 28 ม.ค.58 นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว สมหมาย ดีทิพย์ ถามในอินบ็อกซ์ผม ว่า พนักงานราชการลาคลอด 45 วัน ได้รับค่าตอบแทนจากต้นสังกัด 45 วัน และได้รับค่าคลอดบุตรและค่าตอบแทนจากประกันสังคม ถ้ากลับเข้ามาทำงานจะได้รับค่าตอบแทนจากต้นส้งกัดหรือไม่ (ประมาณว่า 45 วันหลังที่กลับมาทำงานจะได้รับเงินเดือนไหม )
กรณีที่ผู้ชักธงเป็นหญิงกับชาย ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการใช้การชักหรือการแสดงธงชาติและธงของต่างประเทศในราชอาณาจักร พ.ศ.2529 และ ระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการชักธงชาติในสถานศึกษา พ.ศ. 2547 ไม่ได้กำหนดว่าชายหรือหญิงจะต้องยืนอยู่ด้านใด ชายจะยืนด้านซ้ายหรือขวาก็ได้ ถ้าหญิงยืนอยู่ด้ายซ้าย หญิงจะเป็นผู้ชักธง ถ้าหญิงยืนอยู่ด้านขวาหญิงจะเป็นผู้แก้เชือกและผูกเชือกที่เสา แต่ สำหรับลูกเสือ กำหนดว่ากรณีที่ผู้ชักธงเป็นหญิงกับชาย ให้หญิงยืนด้านซ้าย ( เป็นผู้ชักธง ) ชายยืนด้านขวา
3. วันที่ ( 30 ม.ค.58 ) ผมเรียนถามท่าน ผอ.กจ.ว่า ตอนนี้มีอัตราว่างของสถานศึกษาทั่วไป 98 อัตรา และของศูนย์วิทย์ฯอีก 21 อัตรา แต่บัญชีครูผู้ช่วยศูนย์วิทย์ไม่เหลือผู้ขึ้นบัญชีค้างอยู่แล้ว จะนำผู้ขึ้นบัญชีทั่วไป ไปบรรจุที่ศูนย์วิทย์ฯได้หรือไม่ ท่าน ผอ.กจ.บอกว่า ไม่ได้ และจะไปบรรจุในบัญชีจังหวัดชานแดนใต้ก็ไม่ได้เช่นกัน บรรจุข้ามกลุ่มไม่ได้ แต่ ข้าราชการเก่าทั้ง 3 กลุ่มนี้ สามารถขอย้ายข้ามกลุ่มได้ ( จะย้ายไปศูนย์วิทย์ฯ ต้องจบเอกวิทย์ )
ฉะนั้นจึงจะเรียกบรรจุครูผู้ช่วยได้เพียง 2 บัญชี รวมประมาณ 98 คน แต่จะเท่าไรแน่ยังบอกไม่ได้ เพราะถ้ามี ขรก.ครูเก่า จากสถานศึกษาทั่วไปทั้งชายแดนใต้และจังหวัดอื่น ย้ายไปศูนย์วิทย์ ก็จะเกิดอัตราว่างในบัญชีทั่วไปกับบัญชีชายแดนใต้ รวมบรรจุได้มากกว่า 98 คน ในทางกลับกัน ถ้ามี ขรก.ครูเก่าจากศูนย์วิทย์ย้ายมาสถานศึกษาทั่วไป ก็จะเหลืออัตราว่างสำหรับ 2 บัญชีนี้น้อยกว่า 98 อัตรา
จำนวนตำแหน่งว่างที่จะเรียกบรรจุในบัญชีทั่วไปกับบัญชีชายแดนใต้ ก็ยังบอกไม่ได้เช่นกันว่าจะบรรจุได้บัญชัละอีกกี่คน รู้แต่ว่ารวมประมาณ 98 คน เพราะยังไม่รู้ว่าจะมีครูเก่าชายแดนใต้ย้ายมาจังหวัดทั่วไปกี่คน หรือมีครูเก่าจากจังหวัดทั่วไปย้ายไปชายแดนใต้กี่คน ( กลุ่มไหนย้ายออกมากกว่าย้ายเข้า ก็จะมีอัตราว่างในบัญชีนั้นมากขึ้น )
การให้ขอย้ายครั้งนี้ บรรณารักษ์ขอโอนเป็นครูไม่ได้ เรื่องบรรณารักษ์โอนเป็นครูผ่านมาแล้ว ต้องรอครั้งต่อไป หนังสือฉบับนี้ถ้าบรรณารักษ์จะขอย้ายเปลี่ยนตำแหน่งต้องเป็นตำแหน่งในประเภทบุคลากรทางการศึกษาอื่นตามมาตรา 38 ค.(2) ด้วยกัน
4. คืนวันที่ 28 ม.ค.58 นักสู้พันธุ์ข้าวเหนียว สมหมาย ดีทิพย์ ถามในอินบ็อกซ์ผม ว่า พนักงานราชการลาคลอด 45 วัน ได้รับค่าตอบแทนจากต้นสังกัด 45 วัน และได้รับค่าคลอดบุตรและค่าตอบแทนจากประกันสังคม ถ้ากลับเข้ามาทำงานจะได้รับค่าตอบแทนจากต้นส้งกัดหรือไม่ (ประมาณว่า 45 วันหลังที่กลับมาทำงานจะได้รับเงินเดือนไหม )
ผมตอบว่า แม้พนักงานราชการมีสิทธิลาคลอด 90 วัน แต่ถ้าลาหยุดเกิน 45 วัน
จะไม่ได้รับเงินเดือนในส่วนที่เกิน ถ้าลาไม่เกิน 45 วัน
ก็ได้รับเงินเดือนเต็มตามปกติทุกอย่าง ส่วนของประกันสังคมก็ได้เพิ่มต่างหากอีกเดือนครึ่ง
( ประกันสังคมเขาไม่สนใจว่าจะลาหรือไม่ จะลากี่วัน
จะได้เงินเดือนจากต้นสังกัดเท่าไร ขอแค่คลอดบุตรคนที่
1-2 เขาก็จ่ายให้เดือนครึ่งทุกคน ) เคยตอบ
3 ครั้งแล้ว
5. เย็นวันที่ 4 ก.พ.58 Anupan Chaiwirach เขียนในอินบ็อกซ์ผม 4 ข้อ ผมขอนำข้อที่น่าสนใจมาเผยแพร่ต่อ 2 ข้อ คือ
5. เย็นวันที่ 4 ก.พ.58 Anupan Chaiwirach เขียนในอินบ็อกซ์ผม 4 ข้อ ผมขอนำข้อที่น่าสนใจมาเผยแพร่ต่อ 2 ข้อ คือ
5.1 ประกาศกฏอัยการศึกเราคงได้รับวันทวีคูณนะ
ผมตอบว่า เรื่องเวลาราชการทวีคูณนั้น สมัยก่อน กฎหมายบำเหน็จบำนาญกำหนดไว้ตายตัวว่าข้าราชการที่รับราชการในเขตประกาศใช้กฎอัยการศึก จะได้รับเวลาราชการทวีคูณ แต่ตอนหลัง พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2543 เปลี่ยนให้ ครม.เป็น ผู้กำหนดว่าจะให้ข้าราชการประเภทใดไดัรับเวลาราชการทวีคูณ ถ้าข้าราชการประเภทใดไม่ได้เสี่ยงภัยอะไรในช่วงประกาศกฏอัยการศึกนั้น ครม.ก็ไม่ให้ได้รับเวลาราชการทวีคูณ
การประกาศกฏอัยการศึกในช่วงล่าสุดนี้ยังไม่ยกเลิกการใช้กฏอัยการศึก ครม.ยังไม่ได้พิจารณากำหนดในเรื่องนี้ จึงยังไม่แน่นอนชัดเจนว่าข้าราชการประเภทใดจะได้รับเวลาราชการทวีคูณ
อย่างไรก็ตาม การคำนวณบำเหน็จบำนาญของผู้เข้า กบข. ให้ใช้เวลาราชการมาคำนวณไม่เกิน 35 ปี เวลาทวีคูณจึงไม่มีความหมายถ้ารวมแล้วเกิน 35 ปี ( ผู้ที่อายุราชการเกิน 35 ปี โดยเฉพาะตำรวจทหารที่มีเวลาราชการทวีคูณมาก จึงต้องการ Undo กลับไปใช้ พรบ.บำเหน็จบำนาญเดิม )
ผมตอบว่า เรื่องเวลาราชการทวีคูณนั้น สมัยก่อน กฎหมายบำเหน็จบำนาญกำหนดไว้ตายตัวว่าข้าราชการที่รับราชการในเขตประกาศใช้กฎอัยการศึก จะได้รับเวลาราชการทวีคูณ แต่ตอนหลัง พระราชบัญญัติบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (ฉบับที่ 19) พ.ศ.2543 เปลี่ยนให้ ครม.เป็น ผู้กำหนดว่าจะให้ข้าราชการประเภทใดไดัรับเวลาราชการทวีคูณ ถ้าข้าราชการประเภทใดไม่ได้เสี่ยงภัยอะไรในช่วงประกาศกฏอัยการศึกนั้น ครม.ก็ไม่ให้ได้รับเวลาราชการทวีคูณ
การประกาศกฏอัยการศึกในช่วงล่าสุดนี้ยังไม่ยกเลิกการใช้กฏอัยการศึก ครม.ยังไม่ได้พิจารณากำหนดในเรื่องนี้ จึงยังไม่แน่นอนชัดเจนว่าข้าราชการประเภทใดจะได้รับเวลาราชการทวีคูณ
อย่างไรก็ตาม การคำนวณบำเหน็จบำนาญของผู้เข้า กบข. ให้ใช้เวลาราชการมาคำนวณไม่เกิน 35 ปี เวลาทวีคูณจึงไม่มีความหมายถ้ารวมแล้วเกิน 35 ปี ( ผู้ที่อายุราชการเกิน 35 ปี โดยเฉพาะตำรวจทหารที่มีเวลาราชการทวีคูณมาก จึงต้องการ Undo กลับไปใช้ พรบ.บำเหน็จบำนาญเดิม )
5.2 เงินเดือนตันมาปีนึงแล้ว
จะข้ามไปแท่ง คศ.4. ไหม
ผมตอบว่า ใช่ เรื่องเงินเดือนเลื่อนไหลทะลุแท่งนี้ กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 21 ธ.ค.55 มีผลบังคับใช้แล้ว มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 โดยมีผลให้ ครูที่เงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของอันดับ (ตัน) คศ.2 คศ.3 หรือ คศ.4 แล้วแต่กรณี จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนต่อไปได้โดยให้ไปอาศัยรับเงินเดือนในอันดับถัดไป ได้อีกหนึ่งอันดับ ตัวอย่างเช่น ข้าราชการครูที่เงินเดือนตันอันดับ คศ.3 ที่อัตรา 53,080 บาทแล้ว จะได้เลื่อนเงินเดือนสูงขึ้นต่อไปได้อีก โดยอาศัยเบิกในอันดับ คศ.4 อัตรา 53,820 บาท และเลื่อนต่อไปได้จนถึงขั้นสูงของอันดับ คศ.4 คืออัตรา 62,760 บาท เป็นต้น
( แต่ วิทยฐานะ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ยังคงเป็นไปตามอันดับเงินเดือนเดิม )
6. วันที่ 4 ก.พ.58 Kapoom Ka ถามในหน้าเฟซบุ๊คผม ว่า เมื่อปี 2552 มีหนังสือที่ ศธ 0210.122/992 เรื่องการเก็บเงินห้องสมุด ทำให้ห้องสมุดต้องยกเว้นการเก็บเงินค่าสมาชิกรายปีแก่ประชาชนทุกคน อยากทราบว่าในขณะนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แล้วมีหนังสือเรื่องนี้ไหม เนื่องจากผู้บริหารต้องการความชัดเจนในการเก็บค่าสมาชิก แต่หาในเน็ตไม่เจอ หาได้แต่เลขที่หนังสือ
ผมตอบว่า ใช่ เรื่องเงินเดือนเลื่อนไหลทะลุแท่งนี้ กฎ ก.ค.ศ.ว่าด้วยการให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับเงินเดือนสูงกว่าหรือต่ำกว่าขั้นต่ำ หรือสูงกว่าขั้นสูงของอันดับ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2555 ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อ 21 ธ.ค.55 มีผลบังคับใช้แล้ว มีผลย้อนหลังไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2554 โดยมีผลให้ ครูที่เงินเดือนถึงขั้นสูงสุดของอันดับ (ตัน) คศ.2 คศ.3 หรือ คศ.4 แล้วแต่กรณี จะได้รับการเลื่อนเงินเดือนต่อไปได้โดยให้ไปอาศัยรับเงินเดือนในอันดับถัดไป ได้อีกหนึ่งอันดับ ตัวอย่างเช่น ข้าราชการครูที่เงินเดือนตันอันดับ คศ.3 ที่อัตรา 53,080 บาทแล้ว จะได้เลื่อนเงินเดือนสูงขึ้นต่อไปได้อีก โดยอาศัยเบิกในอันดับ คศ.4 อัตรา 53,820 บาท และเลื่อนต่อไปได้จนถึงขั้นสูงของอันดับ คศ.4 คืออัตรา 62,760 บาท เป็นต้น
( แต่ วิทยฐานะ และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ยังคงเป็นไปตามอันดับเงินเดือนเดิม )
6. วันที่ 4 ก.พ.58 Kapoom Ka ถามในหน้าเฟซบุ๊คผม ว่า เมื่อปี 2552 มีหนังสือที่ ศธ 0210.122/992 เรื่องการเก็บเงินห้องสมุด ทำให้ห้องสมุดต้องยกเว้นการเก็บเงินค่าสมาชิกรายปีแก่ประชาชนทุกคน อยากทราบว่าในขณะนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แล้วมีหนังสือเรื่องนี้ไหม เนื่องจากผู้บริหารต้องการความชัดเจนในการเก็บค่าสมาชิก แต่หาในเน็ตไม่เจอ หาได้แต่เลขที่หนังสือ
ผมตอบว่า ขณะนี้ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
เป็นหนังสือราชการซักซ้อมความเข้าใจจากสำนักฯ ที่ต้องปฏิบัติตาม
7. เย็นวันที่
5 ก.พ.58 Anupan Chaiwirach ถามผมในเฟซบุ๊คกลุ่มครูนอกระบบ
ว่า ผู้บริหารที่เงินเดือนเต็มขั้น คศ.3
และจะเกษียณ จะขอเครื่องราชฯชั้นสายสะพายได้หรือไม่
ผมตอบว่า ได้ ช่วงนี้ถึงเวลาขอพอดี
ให้จังหวัดส่งเรื่องถึงสำนักงาน กศน.ภายในวันที่ 31 มี.ค.58 ตามหนังสือแจ้งที่ http://www.nfe.go.th/onie2014/index.php?option=com_attachments&task=download&id=673
-
พนักงานราชการที่ได้เครื่องราชฯชั้นที่ 5 ( บ.ช. : เบญจมาภรณ์ช้างเผือก ) มาครบ 5
ปี นับถึงวันที่ 5 ธ.ค.58 ปีนี้ให้ขอพระราชทานชั้นที่ 4 ( จ.ม. :
จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย )
- ตามหนังสือแจ้งของสำนักงาน กศน.
ในส่วนของการขอเครื่องราชฯชั้นสายสะพาย ( ป.ม. ) สำหรับระดับ 8 ( คศ.3 )
ให้ขอได้เฉพาะผู้บริหาร ที่เงินเดือนเต็มขั้น ได้ ท.ช.มาแล้ว 5 ปี
และเป็นปีที่เกษียณหรือจะเกษียณ เท่านั้น
( เดิม ผู้บริหาร และครู คศ.3 ที่ไม่ใช่ปีที่จะเกษียณ ก็ขอได้
แต่ภายหลังเปลี่ยนแปลงตามหนังสือสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ที่ นร
0508/ท1330ลงวันที่ 3 มี.ค.57 ที่แจ้งว่า
คศ.3 ขอเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสายสะพาย ได้เฉพาะ ผอ.ที่จะเกษียณเท่านั้น ฉะนั้น ถ้าไม่ใช่ คศ.4 หรือไม่ใช่
ผอ.ที่จะเกษียณ ก็ไม่ต้องขอเครื่องราชฯชั้นสายสะพายไปอีกแล้ว )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย