1. คืนวันที่ 28 ส.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า แฟนเขาเคยได้เครื่องราช บ.ช. แถบสีใช้แบบไหน ( ตามภาพประกอบโพสต์นี้ ) ใช่ที่เป็นช้างเผือกอันเดียว บนขวามือ ใช่หรือเปล่า
ผมตอบว่า อยากให้คุณเข้าใจหลักการ (
ถ้าเข้าใจหลักการก็จะรู้และประยุกต์ใช้ได้โดยไม่ต้องท่องจำ )
ขอให้คุณอ่านหลักการต่อไปนี้ช้า ๆ ให้เข้าใจ แล้วบอกผมว่า ต้องใช้แบบไหน
- การประดับเครื่องราชฯ ให้ประดับไม่เกิน 2 เหรียญสูงสุดที่ได้รับ ( ตระกูลละ 1 เหรียญ ) ถ้าเคยได้รับเหรียญตราเกิน 2 เหรียญ ต้องส่งคืนส่วนที่เกิน เหลือไว้ประดับเฉพาะ 2 เหรียญสูงสุด
- เครื่องราชฯมี 2 ตระกูล คือตระกูลช้างเผือก เป็นรูปช้าง ใช้อักษรย่อว่า ช. กับตระกูลมงกุฎไทย เป็นรูปมงกฎ ใช้อักษรย่อว่า ม.
- ส่วนเหรียญที่ระลึกต่าง ๆ จะไม่มีช้างไม่มีมงกุฎ ใครเกิดทันการออกเหรียญไหนก็ประดับเหรียญที่ระลึกนั้นได้หมด
- การประดับเครื่องราชฯ+เหรียญที่ระลึก ให้ประดับเรียงลำดับโดยให้เครื่องราชฯชั้นสูงสุดอยู่มุมซ้ายบน ไม่เกิน 2 เหรียญ ตามด้วยเหรียญที่ระลึกจากเหรียญที่ออกล่าสุดเรียงไปทางขวา ถ้ามีมากก็ต่อแถวล่างลงไป
- แพรแถบย่อ ก็จะเรียงตามการประดับเหรียญตราจริงเช่นเดียวกัน ( แพรแถบย่อใช้ประดับแทนเหรียญตราจริงกรณีแต่งเครื่องแบบสีกากีหรือเครื่องแบบปกติขาว )
- แต่ละแผงของแพรแถบย่อ ประกอบด้วยหลายท่อนมาเรียงต่อกัน แต่ละท่อนจะแทนเครื่องราชฯหรือเหรียญที่ระลึก ท่อนละ 1 เหรียญ โดยสีและลายของแต่ละท่อน จะเหมือนกับสีและลายของสายเครื่องราชฯหรือสายเหรียญที่ระลึกนั้น ๆ ( สายของเหรียญตราเครื่องราชฯและสายของเหรียญที่ระลึก จะมีสีและลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำกัน )
- เครื่องราชฯ จ.ม. สูงกว่า บ.ช. และ บ.ช. สูงกว่า บ.ม. ถ้าใครเคยได้ทั้ง 3 เหรียญนี้ ก็ประดับแค่ 2 เหรียญคือ จ.ม. กับ บ.ช. โดยให้ จ.ม. อยู่มุมซ้ายบนสุด ต่อด้วย บ.ช.และเหรียญที่ระลึก
- ถ้าใครเคยได้ จ.ม. อย่างเดียว ไม่เคยได้ บ.ช. ก็ให้ จ.ม.อยู่มุมซ้ายบนสุด แล้วต่อด้วยเหรียญที่ระลึกเลย
- ถ้าใครเคยได้ทั้ง บ.ช. และ บ.ม. ยังไม่ได้ จ.ม. ก็ให้ บ.ช.อยู่มุมซ้ายบนสุด ต่อด้วย บ.ม.และเหรียญที่ระลึก,
ถ้าใครเคยได้ บ.ช. อย่างเดียว ไม่เคยได้ บ.ม. ก็ให้ บ.ช.อยู่มุมซ้ายบนสุดแล้วต่อด้วยเหรียญที่ระลึกเลย
ขอให้คุณอ่านหลักการต่อไปนี้ช้า ๆ ให้เข้าใจ แล้วบอกผมว่า ต้องใช้แบบไหน
- การประดับเครื่องราชฯ ให้ประดับไม่เกิน 2 เหรียญสูงสุดที่ได้รับ ( ตระกูลละ 1 เหรียญ ) ถ้าเคยได้รับเหรียญตราเกิน 2 เหรียญ ต้องส่งคืนส่วนที่เกิน เหลือไว้ประดับเฉพาะ 2 เหรียญสูงสุด
- เครื่องราชฯมี 2 ตระกูล คือตระกูลช้างเผือก เป็นรูปช้าง ใช้อักษรย่อว่า ช. กับตระกูลมงกุฎไทย เป็นรูปมงกฎ ใช้อักษรย่อว่า ม.
- ส่วนเหรียญที่ระลึกต่าง ๆ จะไม่มีช้างไม่มีมงกุฎ ใครเกิดทันการออกเหรียญไหนก็ประดับเหรียญที่ระลึกนั้นได้หมด
- การประดับเครื่องราชฯ+เหรียญที่ระลึก ให้ประดับเรียงลำดับโดยให้เครื่องราชฯชั้นสูงสุดอยู่มุมซ้ายบน ไม่เกิน 2 เหรียญ ตามด้วยเหรียญที่ระลึกจากเหรียญที่ออกล่าสุดเรียงไปทางขวา ถ้ามีมากก็ต่อแถวล่างลงไป
- แพรแถบย่อ ก็จะเรียงตามการประดับเหรียญตราจริงเช่นเดียวกัน ( แพรแถบย่อใช้ประดับแทนเหรียญตราจริงกรณีแต่งเครื่องแบบสีกากีหรือเครื่องแบบปกติขาว )
- แต่ละแผงของแพรแถบย่อ ประกอบด้วยหลายท่อนมาเรียงต่อกัน แต่ละท่อนจะแทนเครื่องราชฯหรือเหรียญที่ระลึก ท่อนละ 1 เหรียญ โดยสีและลายของแต่ละท่อน จะเหมือนกับสีและลายของสายเครื่องราชฯหรือสายเหรียญที่ระลึกนั้น ๆ ( สายของเหรียญตราเครื่องราชฯและสายของเหรียญที่ระลึก จะมีสีและลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ซ้ำกัน )
- เครื่องราชฯ จ.ม. สูงกว่า บ.ช. และ บ.ช. สูงกว่า บ.ม. ถ้าใครเคยได้ทั้ง 3 เหรียญนี้ ก็ประดับแค่ 2 เหรียญคือ จ.ม. กับ บ.ช. โดยให้ จ.ม. อยู่มุมซ้ายบนสุด ต่อด้วย บ.ช.และเหรียญที่ระลึก
- ถ้าใครเคยได้ จ.ม. อย่างเดียว ไม่เคยได้ บ.ช. ก็ให้ จ.ม.อยู่มุมซ้ายบนสุด แล้วต่อด้วยเหรียญที่ระลึกเลย
- ถ้าใครเคยได้ทั้ง บ.ช. และ บ.ม. ยังไม่ได้ จ.ม. ก็ให้ บ.ช.อยู่มุมซ้ายบนสุด ต่อด้วย บ.ม.และเหรียญที่ระลึก,
ถ้าใครเคยได้ บ.ช. อย่างเดียว ไม่เคยได้ บ.ม. ก็ให้ บ.ช.อยู่มุมซ้ายบนสุดแล้วต่อด้วยเหรียญที่ระลึกเลย
ถ้าคุณเข้าใจหลักการนี้แล้ว
คุณตอบผมหน่อยว่ากรณีของแฟนคุณ จะใช้แบบไหน
ปรากฏว่า ผู้ถาม ตอบถูกว่า “ได้แต่ บ.ช.ไม่เคยได้ บ.ม.ให้ บ.ช.อยู่มุมซ้ายบนสุด ( ตามรูปด้านบนขวามือ )
2. วันที่ 29 ส.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า นักเรียนที่จะจบตกหล่นในการส่งชื่อสอบ N-net เห็นน้องที่เข้าไปอบรมแจ้งว่า จะไม่มีสิทธิสอบ E-exam ด้วย ให้ลงสอบN-net ใหม่ในภาคเรียนหน้า มีทางที่จะแก้ไขได้มั้ย เชื่อว่าไม่ได้มีแค่ฉันแน่นอน ซึ่งผลกระทบก็จะเกิดขึ้นทั้งนักเรียนและครูอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้
ปรากฏว่า ผู้ถาม ตอบถูกว่า “ได้แต่ บ.ช.ไม่เคยได้ บ.ม.ให้ บ.ช.อยู่มุมซ้ายบนสุด ( ตามรูปด้านบนขวามือ )
2. วันที่ 29 ส.ค.61 มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า นักเรียนที่จะจบตกหล่นในการส่งชื่อสอบ N-net เห็นน้องที่เข้าไปอบรมแจ้งว่า จะไม่มีสิทธิสอบ E-exam ด้วย ให้ลงสอบN-net ใหม่ในภาคเรียนหน้า มีทางที่จะแก้ไขได้มั้ย เชื่อว่าไม่ได้มีแค่ฉันแน่นอน ซึ่งผลกระทบก็จะเกิดขึ้นทั้งนักเรียนและครูอย่างลีกเลี่ยงไม่ได้
ผมตอบว่า การตกหล่นในการส่งชื่อเข้าสอบ N-NET เป็นความบกพร่องของบุคลากร คงมีไม่มาก
ผมเคยโพสต์ประเด็นนี้แล้วว่า
1) กรณียังไม่เคยส่งชื่อเข้าสอบ N-NET ไปให้ สทศ. ก็ยังสามารถส่งชื่อเข้าสอบ N-NET ในภาคเรียนหน้าได้
( ถ้าเป็นความบกพร่องของ นศ. อาจให้รอส่งชื่อเข้าสอบ N-NET ในภาคเรียนต่อไป แต่ถ้าเป็นความบกพร่องของบุคลากร และนักศึกษามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องจบการศึกษาในภาคเรียนนี้ ควรมีการลงโทษบุคลากร ถ้าเป็นความบกพร่องครั้งแรกอาจแค่ว่ากล่าวตักเตือน ถ้าบกพร่องครั้งที่ 2 ควรมากกว่าว่ากล่าวตักเตือน มิฉะนั้นจะไม่ตระหนักในการปฏิบัติงานต่อไป )
ถ้าจะขอสอบ E-Exam แทนในภาคเรียนนี้ ให้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติข้อ 3 ที่ https://www.dropbox.com/s/usui2v99ptao3kp/ManualE-Exam.pdf?dl=0
ซึ่ง ต้องขออนุมัติต่อ สำนักงาน กศน. ก่อน โดย กศน.อำเภอ ทำเรื่องขอส่งรายชื่อเข้าสอบ E-Exam ไปยัง สนง.กศน.จังหวัด แล้ว สนง.กศน.จังหวัด ทำเรื่องขออนุมัติต่อไปยัง เลขาธิการ กศน.
จากนั้น สถานศึกษาลงทะเบียนขอสอบ E-Exam ภายในกำหนด ( ภาคเรียน 1/61 นี้เคยเห็นแจ้งกำหนดวันลงทะเบียนว่า 16-31 ส.ค.61 )
ผมเคยโพสต์ประเด็นนี้แล้วว่า
1) กรณียังไม่เคยส่งชื่อเข้าสอบ N-NET ไปให้ สทศ. ก็ยังสามารถส่งชื่อเข้าสอบ N-NET ในภาคเรียนหน้าได้
( ถ้าเป็นความบกพร่องของ นศ. อาจให้รอส่งชื่อเข้าสอบ N-NET ในภาคเรียนต่อไป แต่ถ้าเป็นความบกพร่องของบุคลากร และนักศึกษามีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องจบการศึกษาในภาคเรียนนี้ ควรมีการลงโทษบุคลากร ถ้าเป็นความบกพร่องครั้งแรกอาจแค่ว่ากล่าวตักเตือน ถ้าบกพร่องครั้งที่ 2 ควรมากกว่าว่ากล่าวตักเตือน มิฉะนั้นจะไม่ตระหนักในการปฏิบัติงานต่อไป )
ถ้าจะขอสอบ E-Exam แทนในภาคเรียนนี้ ให้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติข้อ 3 ที่ https://www.dropbox.com/s/usui2v99ptao3kp/ManualE-Exam.pdf?dl=0
ซึ่ง ต้องขออนุมัติต่อ สำนักงาน กศน. ก่อน โดย กศน.อำเภอ ทำเรื่องขอส่งรายชื่อเข้าสอบ E-Exam ไปยัง สนง.กศน.จังหวัด แล้ว สนง.กศน.จังหวัด ทำเรื่องขออนุมัติต่อไปยัง เลขาธิการ กศน.
จากนั้น สถานศึกษาลงทะเบียนขอสอบ E-Exam ภายในกำหนด ( ภาคเรียน 1/61 นี้เคยเห็นแจ้งกำหนดวันลงทะเบียนว่า 16-31 ส.ค.61 )
2) กรณีส่งชื่อเข้าสอบ N-NET แล้ว แต่ นศ.ขาดสอบเอง กรณีนี้ต้องขอเข้าสอบ E-Exam ในภาคเรียนหน้า
ตามแนวปฏิบัติข้อ 2 ซึ่งก็ต้องขออนุมัติต่อสำนักงาน กศน.ก่อนเช่นกัน
3. วันที่ 29 ส.ค.61 มีผู้ถามในกลุ่มไลน์ ITw NFE ว่า ท่านใดเคยทำใบประกาศนีบัตรเป็นภาษาอังกฤษบ้าง ขอคำแนะนำหน่อย หรือถ้ามีตัวอย่างรบกวนช่วยส่งให้ดูหน่อย
3. วันที่ 29 ส.ค.61 มีผู้ถามในกลุ่มไลน์ ITw NFE ว่า ท่านใดเคยทำใบประกาศนีบัตรเป็นภาษาอังกฤษบ้าง ขอคำแนะนำหน่อย หรือถ้ามีตัวอย่างรบกวนช่วยส่งให้ดูหน่อย
ปรากฏว่า คุณธวนิต พรมมา นำไฟล์
คู่มือการออกเอกสารหลักฐาน กศ.ขั้นพื้นฐาน เป็นภาษาอังกฤษ เช่นประกาศนียบัตร
มาโพสต์ให้
( ดาวน์โหลดได้ที่ https://www.dropbox.com/s/2h2qxecsl6z07nq/EnglishDocEd.pdf?dl=0 )
( ดาวน์โหลดได้ที่ https://www.dropbox.com/s/2h2qxecsl6z07nq/EnglishDocEd.pdf?dl=0 )
เรื่องนี้ ผมเคยนำฟอร์มการออกประกาศนียบัตร
กศ.ขั้นพื้นฐาน เป็นภาษาอังกฤษ มาเผยแพร่ในข้อ 21.5 ที่ http://nfeph.blogspot.com/2013/10/blog-post_8783.html ก็สแกนมาจากหน้า 40 กับหน้า 55
ของหนังสือเล่มที่คุณธวนิต พรมมา นำมาโพสต์นี่แหละ แต่ผมมีเฉพาะเล่มหนังสือจริง
ไม่มีเป็นไฟล์ วันนี้คุณธวนิตนำไฟล์มาโพสต์ให้ ขอบคุณมาก
4. มี 2-3 คน ถามผมตรงกัน ว่า “มีคนบอกว่าแต่งเครื่องแบบถ่ายรูป ใช้ไปรายงานตัวบรรจุครูผู้ช่วย ถ้าติดแพรแถบย่อจะผิด จริงหรือไม่”
4. มี 2-3 คน ถามผมตรงกัน ว่า “มีคนบอกว่าแต่งเครื่องแบบถ่ายรูป ใช้ไปรายงานตัวบรรจุครูผู้ช่วย ถ้าติดแพรแถบย่อจะผิด จริงหรือไม่”
เรื่องนี้ ผู้ที่บอกอย่างนั้นคงไม่รู้ระเบียบที่แท้
ระเบียบที่แท้คือ 1.ทุกคนมีสิทธิประดับ แพรแถบย่อเหรียญที่ระลึก และ 2.บางคนมีสิทธิประดับ แพรแถบย่อเครื่องราชฯ แม้บรรจุใหม่
( ผู้มีสิทธิประดับเหรียญตราเครื่องราชฯ+เหรียญที่ระลึก ก็มีสิทธิประดับแพรแถบย่อแทนเหรียญตราเครื่องราชฯ+เหรียญที่ระลึก ) ดังนี้
1) ข้าราชการและพนักงานราชการบรรจุใหม่ สามารถประดับแพรแถบย่อเหรียญที่ระลึกได้ ( แพรแถบย่อเหรียญที่ระลึก ก็ดูเหมือน ๆ กับแพรแถบย่อเครื่องราชฯ เพียงแต่แพรแถบย่อเหรียญที่ระลึกจะไม่มีช้างไม่มีมงกุฎ )
ใครเกิดทันปีที่ออกเหรียญที่ระลึกใด ก็มีสิทธิ์ประดับเหรียญนั้นทุกคน ประดับกี่เหรียญก็ได้ตามที่มีสิทธิ์ ขึ้นอยู่กับความพอใจและความสวยงาม เช่นเดียวกับแพรแถบย่อ สามารถสั่งทำโดยระบุได้ว่าต้องการแบบไหน ผู้ที่แผงอกไม่กว้าง การติดเหรียญเยอะ ๆ หรือแพรแถบย่อที่มากเกินไปก็ทำให้ดูเทอะทะ ไม่สวย
2) กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี บอกว่า ผู้ที่เคยเป็นพนักงานราชการนานจนได้เครื่องราชฯแล้ว เมื่อลาออกมาเป็นข้าราชการ ไม่ต้องคืนเหรียญเครื่องราชฯ ประดับต่อไปได้ ( การลาออก การเกษียณ ไม่ต้องคืนเหรียญเครื่องราชฯ )
ถ้าไม่ใช่การเรียกคืนเพราะมีความผิด จะคืนเหรียญเครื่องราชฯที่ได้รับจัดสรร ( ไม่ได้จัดซื้อจัดหาเอง ) ใน 2 กรณี คือ กรณีได้เครื่องราชฯชั้นสูงขึ้นในตระกูลเดียวกัน คือตระกูลช้างเผือกหรือตระกูลมงกุฎไทย ให้คืนเหรียญชั้นรอง เก็บไว้ได้เพียง 2 เหรียญ ( ตระกูลละ 1 เหรียญ )
และ กรณีเสียชีวิต ( อาจนำไปประดับในพิธีศพ เสร็จแล้วญาติต้องส่งคืนหรือซื้อไว้ )
ผู้ที่เคยเป็นพนักงานราชการนานจนได้เครื่องราชฯแล้ว เมื่อลาออกมาเป็นข้าราชการ ให้แจ้งฝ่ายทะเบียนประวัติของอำเภอ/จังหวัด/ส่วนกลาง ว่าเคยได้รับเครื่องราชฯใดแล้ว เพื่อไม่ขอให้ซ้ำอีก
ระเบียบที่แท้คือ 1.ทุกคนมีสิทธิประดับ แพรแถบย่อเหรียญที่ระลึก และ 2.บางคนมีสิทธิประดับ แพรแถบย่อเครื่องราชฯ แม้บรรจุใหม่
( ผู้มีสิทธิประดับเหรียญตราเครื่องราชฯ+เหรียญที่ระลึก ก็มีสิทธิประดับแพรแถบย่อแทนเหรียญตราเครื่องราชฯ+เหรียญที่ระลึก ) ดังนี้
1) ข้าราชการและพนักงานราชการบรรจุใหม่ สามารถประดับแพรแถบย่อเหรียญที่ระลึกได้ ( แพรแถบย่อเหรียญที่ระลึก ก็ดูเหมือน ๆ กับแพรแถบย่อเครื่องราชฯ เพียงแต่แพรแถบย่อเหรียญที่ระลึกจะไม่มีช้างไม่มีมงกุฎ )
ใครเกิดทันปีที่ออกเหรียญที่ระลึกใด ก็มีสิทธิ์ประดับเหรียญนั้นทุกคน ประดับกี่เหรียญก็ได้ตามที่มีสิทธิ์ ขึ้นอยู่กับความพอใจและความสวยงาม เช่นเดียวกับแพรแถบย่อ สามารถสั่งทำโดยระบุได้ว่าต้องการแบบไหน ผู้ที่แผงอกไม่กว้าง การติดเหรียญเยอะ ๆ หรือแพรแถบย่อที่มากเกินไปก็ทำให้ดูเทอะทะ ไม่สวย
2) กองอาลักษณ์และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี บอกว่า ผู้ที่เคยเป็นพนักงานราชการนานจนได้เครื่องราชฯแล้ว เมื่อลาออกมาเป็นข้าราชการ ไม่ต้องคืนเหรียญเครื่องราชฯ ประดับต่อไปได้ ( การลาออก การเกษียณ ไม่ต้องคืนเหรียญเครื่องราชฯ )
ถ้าไม่ใช่การเรียกคืนเพราะมีความผิด จะคืนเหรียญเครื่องราชฯที่ได้รับจัดสรร ( ไม่ได้จัดซื้อจัดหาเอง ) ใน 2 กรณี คือ กรณีได้เครื่องราชฯชั้นสูงขึ้นในตระกูลเดียวกัน คือตระกูลช้างเผือกหรือตระกูลมงกุฎไทย ให้คืนเหรียญชั้นรอง เก็บไว้ได้เพียง 2 เหรียญ ( ตระกูลละ 1 เหรียญ )
และ กรณีเสียชีวิต ( อาจนำไปประดับในพิธีศพ เสร็จแล้วญาติต้องส่งคืนหรือซื้อไว้ )
ผู้ที่เคยเป็นพนักงานราชการนานจนได้เครื่องราชฯแล้ว เมื่อลาออกมาเป็นข้าราชการ ให้แจ้งฝ่ายทะเบียนประวัติของอำเภอ/จังหวัด/ส่วนกลาง ว่าเคยได้รับเครื่องราชฯใดแล้ว เพื่อไม่ขอให้ซ้ำอีก
5. คืนวันเสาร์ที่ 1
ก.ย.61 มีผู้เขียนต่อท้ายโพสต์ผมในไทม์ไลน์เฟซบุ๊ก ว่า เจ้าหน้าที่ กจ. เขาไม่ลง กพ.7 ให้ฉัน ฉันได้
บช. มา ตอนเป็นพนักงานราชการ เขาบอกว่า ข้าราชการจะขอชั้น3ขึ้นไป
ผมตอบว่า ก็ถูกครับ ( เพียงแต่จริง ๆ แล้วไม่ได้เรียกชั้น
3 โดยเครื่องราชฯนั้น ลำดับยิ่งสูง เลขชั้นยิ่งน้อย คือ ชั้น 1 สูงกว่าชั้น 2 ) พนักงานราชการกลุ่มงานบริหารทั่วไป จะเริ่มขอที่
บ.ช. แล้วต่อด้วย จ.ม.,
จ.ช., ต.ม. ตามลำดับ ส่วนข้าราชการครู
จะเริ่มขอที่ จ.ม. ฉะนั้น ถ้าใครยังไม่ได้ จ.ม.
เมื่อมาเป็นข้าราชการครูก็จะไม่มีโอกาสเผลอขอซ้ำอีก
ลำดับชั้นตราเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก
และเครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย เรียงลำดับการขอพระราชทาน
จากชั้นตราเริ่มต้นคือชั้นที่ 7 ลงไปจนถึงชั้นตราสูงสุด รวม 16 ชั้นตรา คือ
ระดับชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ได้แก่
- ชั้นที่ ๗ : เหรียญเงินมงกุฏไทย (ร.ง.ม.)
- ชั้นที่ ๗ : เหรียญเงินช้างเผือก (ร.ง.ช.)
- ชั้นที่ ๖ : เหรียญทองมงกุฏไทย (ร.ท.ม.)
- ชั้นที่ ๖ : เหรียญทองช้างเผือก (ร.ท.ช.)
- ชั้นที่ ๕ : เบญจมาภรณ์มงกุฏไทย (บ.ม.)
- ชั้นที่ ๕ : เบญจมาภรณ์ช้างเผือก (บ.ช.)
- ชั้นที่ ๔ : จัตุรถาภรณ์มงกุฏไทย (จ.ม.)
- ชั้นที่ ๔ : จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
- ชั้นที่ ๓ : ตริตาภรณ์มงกุฏไทย (ต.ม.)
- ชั้นที่ ๓ : ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
- ชั้นที่ ๒ : ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
- ชั้นที่ ๒ : ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
ระดับชั้นสายสะพาย ได้แก่
- ชั้นที่ ๑ : ประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ป.ม.)
- ชั้นที่ ๑ : ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- ชั้นสูงสุด : มหาวชิรมงกุฏไทย (ม.ว.ม.)
- ชั้นสูงสุด : มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
ระดับชั้นต่ำกว่าสายสะพาย ได้แก่
- ชั้นที่ ๗ : เหรียญเงินมงกุฏไทย (ร.ง.ม.)
- ชั้นที่ ๗ : เหรียญเงินช้างเผือก (ร.ง.ช.)
- ชั้นที่ ๖ : เหรียญทองมงกุฏไทย (ร.ท.ม.)
- ชั้นที่ ๖ : เหรียญทองช้างเผือก (ร.ท.ช.)
- ชั้นที่ ๕ : เบญจมาภรณ์มงกุฏไทย (บ.ม.)
- ชั้นที่ ๕ : เบญจมาภรณ์ช้างเผือก (บ.ช.)
- ชั้นที่ ๔ : จัตุรถาภรณ์มงกุฏไทย (จ.ม.)
- ชั้นที่ ๔ : จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (จ.ช.)
- ชั้นที่ ๓ : ตริตาภรณ์มงกุฏไทย (ต.ม.)
- ชั้นที่ ๓ : ตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.)
- ชั้นที่ ๒ : ทวีติยาภรณ์มงกุฎไทย (ท.ม.)
- ชั้นที่ ๒ : ทวีติยาภรณ์ช้างเผือก (ท.ช.)
ระดับชั้นสายสะพาย ได้แก่
- ชั้นที่ ๑ : ประถมาภรณ์มงกุฏไทย (ป.ม.)
- ชั้นที่ ๑ : ประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
- ชั้นสูงสุด : มหาวชิรมงกุฏไทย (ม.ว.ม.)
- ชั้นสูงสุด : มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
ประชาชนทั่วไป พ่อค้าคหบดี
ผู้รับจ้างเหมาบริการ ที่ไม่ได้รับพระราชทานเครื่องราชฯก็ประดับเหรียญที่ระลึกได้
ใครเกิดทันวันที่ออกเหรียญที่ระลึกใด ก็มีสิทธิ์ประดับเหรียญนั้นทุกคน (
ถ้าเป็นแพรแถบย่อของเหรียญที่ระลึกล้วน ๆ จะไม่มีช้างไม่มีมงกุฎอยู่ในนั้น )
แต่ ก็ต้องประดับให้ถูกกับ งาน และใส่ชุดให้ถูก เช่น ประดับร่วมงานพิธีวันปิยมหาราชใช้แพรแถบย่อ ส่วนงานพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าอยู่หัวใช้เหรียญจริง
ชุด ที่ประดับได้ของ ประชาชนทั่วไป พ่อค้าคหบดี ผู้รับจ้างเหมาบริการ
- บุรุษ ประดับกับเครื่องแบบขอเฝ้า ( ชุดขาวราชประแตน เช่นเดียวกับชุดชาวข้าราชการทั่วไป แต่ที่ปกคอเสื้อใช้แผ่นทาบคอ กิ่งชัยพฤกษ์ประกอบด้วยใบข้างละ ๕ ใบ แทนเครื่องหมายส่วนราชการ และไม่มีอินทรธนูที่บ่า กระดุมเสื้อเป็นกระดุมเกลี้ยงสีทอง )
- สตรี จะไม่มีเครื่องแบบขอเฝ้าที่เป็นชุดขาวเหมือนบุรุษ ให้ประดับกับ ชุดไทย คือชุดไทยจิตรลดา ไทยอมรินทร์ ไทยบรมพิมาน สีพื้น สวมถุงน่องไม่ให้เห็นผิวเนื้อเท้า
6. เย็นวันที่ 4 ก.ย.61 มีผู้ถามผมในกลุ่มไลน์ ITw NFE เรื่องกรรมการดำเนินการสอบปลายภาค ว่า
- รองประธานฯประจำสนามสอบ เป็นใครได้บ้าง
- ระเบียบกรรมการคุมสอบยังใช้ตาม "คู่มือดำเนินการจัดสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาฯ" หรือมีการปรับเปลี่ยนนอกเหนือจากนี้มั้ย
แต่ ก็ต้องประดับให้ถูกกับ งาน และใส่ชุดให้ถูก เช่น ประดับร่วมงานพิธีวันปิยมหาราชใช้แพรแถบย่อ ส่วนงานพิธีวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระเจ้าอยู่หัวใช้เหรียญจริง
ชุด ที่ประดับได้ของ ประชาชนทั่วไป พ่อค้าคหบดี ผู้รับจ้างเหมาบริการ
- บุรุษ ประดับกับเครื่องแบบขอเฝ้า ( ชุดขาวราชประแตน เช่นเดียวกับชุดชาวข้าราชการทั่วไป แต่ที่ปกคอเสื้อใช้แผ่นทาบคอ กิ่งชัยพฤกษ์ประกอบด้วยใบข้างละ ๕ ใบ แทนเครื่องหมายส่วนราชการ และไม่มีอินทรธนูที่บ่า กระดุมเสื้อเป็นกระดุมเกลี้ยงสีทอง )
- สตรี จะไม่มีเครื่องแบบขอเฝ้าที่เป็นชุดขาวเหมือนบุรุษ ให้ประดับกับ ชุดไทย คือชุดไทยจิตรลดา ไทยอมรินทร์ ไทยบรมพิมาน สีพื้น สวมถุงน่องไม่ให้เห็นผิวเนื้อเท้า
6. เย็นวันที่ 4 ก.ย.61 มีผู้ถามผมในกลุ่มไลน์ ITw NFE เรื่องกรรมการดำเนินการสอบปลายภาค ว่า
- รองประธานฯประจำสนามสอบ เป็นใครได้บ้าง
- ระเบียบกรรมการคุมสอบยังใช้ตาม "คู่มือดำเนินการจัดสอบเพื่อวัดผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาฯ" หรือมีการปรับเปลี่ยนนอกเหนือจากนี้มั้ย
ผมตอบว่า
- รองประธานฯประจำสนามสอบ ให้แต่งตั้งตามที่เหมาะสม ไม่มีข้อกำหนดว่าเป็นใครได้บ้าง แต่อย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติในการเป็นกรรมการกลาง ซึ่งผมเคยโพสต์ไป 3 ครั้งแล้วนะว่าใครเป็นกรรมการกลางได้ ใครเป็นกรรมการกำกับห้องสอบได้ )
- ในส่วนที่ยังไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ใหม่ ก็ยังใช้ระเบียบหลักเกณฑ์ตามคู่มือเดิมต่อไป
โดยในเรื่องกรรมการดำเนินการสอบนี้ ผมก็เคยโพสต์ 3 ครั้งแล้วเช่นกันว่า ถึงแม้อัตราค่าคุมสอบและอื่น ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ยกเลิกหนังสือฉบับเก่าปี 36 แล้ว แต่เฉพาะในส่วนของ “จำนวนเจ้าหน้าที่และกรรมการดำเนินการสอบ” ยังไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ใหม่ออกมา จึงยังอนุโลมใช้ตามหนังสือฉบับเก่า ( หนังสือกรมการศึกษานอกโรงเรียน ที่ ศธ 1106/5409 ลงวันที่ 16 ส.ค.36 )
7. ช่วงนี้มีคำถามเกี่ยวกับ กศน.ขั้นพื้นฐาน มาก เช่น
- รองประธานฯประจำสนามสอบ ให้แต่งตั้งตามที่เหมาะสม ไม่มีข้อกำหนดว่าเป็นใครได้บ้าง แต่อย่างน้อยต้องมีคุณสมบัติในการเป็นกรรมการกลาง ซึ่งผมเคยโพสต์ไป 3 ครั้งแล้วนะว่าใครเป็นกรรมการกลางได้ ใครเป็นกรรมการกำกับห้องสอบได้ )
- ในส่วนที่ยังไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ใหม่ ก็ยังใช้ระเบียบหลักเกณฑ์ตามคู่มือเดิมต่อไป
โดยในเรื่องกรรมการดำเนินการสอบนี้ ผมก็เคยโพสต์ 3 ครั้งแล้วเช่นกันว่า ถึงแม้อัตราค่าคุมสอบและอื่น ๆ จะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว ยกเลิกหนังสือฉบับเก่าปี 36 แล้ว แต่เฉพาะในส่วนของ “จำนวนเจ้าหน้าที่และกรรมการดำเนินการสอบ” ยังไม่มีระเบียบหลักเกณฑ์ใหม่ออกมา จึงยังอนุโลมใช้ตามหนังสือฉบับเก่า ( หนังสือกรมการศึกษานอกโรงเรียน ที่ ศธ 1106/5409 ลงวันที่ 16 ส.ค.36 )
7. ช่วงนี้มีคำถามเกี่ยวกับ กศน.ขั้นพื้นฐาน มาก เช่น
1) วันที่ 5 ก.ย.61 มีผู้ถามผมในกลุ่มไลน์ ITw NFE ว่า นักศึกษา (วิธีเรียนพบกลุุ่ม) ถูกขังในสถานพินิจกลางเทอมที่ผ่านมา
ตอนนี้สถานพินิจขอให้ กศน.อำเภอ ทำเรื่องขอฝากสอบปลายภาคสนามสอบสถานพินิจ
กศน.อำเภอ ทำได้หรือไม่ เพราะไม่ได้ฝากเรียนตั้งแต่ต้นเทอม (ถูกขังมาประมาณ 2
เดือน) มีระเบียบกฎเกณฑ์อะไรหรือไม่ สถานพินิจ บอกใช้ข้อสอบของ กศน.อำเภอที่ตั้งของสถานพินิจ
กศน.จังหวัดบอกทำได้
เป็นหน้าที่ที่เราต้องส่งตัวไปเรียนที่นั้น แต่ฉันไม่เคยเห็นหนังสือสั่งการนี้
2) คืนวันเดียวกัน ( 5 ก.ย.) มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ถ้านักศึกษาในกลุ่่มมาสอบปลายภาคไม่ได้ จำเป็นไหมที่ครูต้องนำข้อสอบไปให้นักศึกษาสอบที่ต่างจังหวัด
2) คืนวันเดียวกัน ( 5 ก.ย.) มีผู้ถามผมในอินบ็อกซ์เฟซบุ๊ก ว่า ถ้านักศึกษาในกลุ่่มมาสอบปลายภาคไม่ได้ จำเป็นไหมที่ครูต้องนำข้อสอบไปให้นักศึกษาสอบที่ต่างจังหวัด
ผมตอบว่า
1) ที่ว่าสถานพินิจเขาจะใช้ข้อสอบของ กศน.อำเภอที่ตั้งของสถานพินิจนั้น วิชาที่เปิดในแต่ละอำเภอแต่ละเทอมไม่ตรงกัน โดยเฉพาะวิชาเลือกเสรียิ่งไม่ค่อยตรงกัน แม้แต่วิชาบังคับ+เลือกบังคับ ก็ไม่ใช่ว่าทุกอำเภอมีข้อสอบครบทั้ง 14+6 วิชาทั้ง 3 ระดับ
ถ้าสถานพินิจอยู่อำเภอเดียวกับสถานศึกษาเดิม ก็อาจอนุเคราะห์ยืดหยุ่น(ไม่มีระเบียบรองรับ)โดยนำข้อสอบของเราไปให้เขาสอบให้
การส่งตัว ทำได้ ก็คือการฝากเรียน แต่ต้องทำตั้งแต่ต้นเทอม
ถ้าเพิ่งเข้าสถานพินิจกลางเทอม ก็คงต้องรอต้นเทอมหน้า ส่วนเทอมนี้เวลาเรียนไม่ครบไม่มีสิทธิสอบ
หลังจากผมตอบไป ก็มีสมาชิกกลุ่มคนหนึ่ง ตอบเพิ่มว่า สำนักงาน กศน.จังหวัดมีข้อสอบสำรองนะ(ทุกวิชาที่สั่ง) ถ้าจะใช้จริง ๆ ควรใช้ข้อสอบสำรอง ดีกว่าจะแกะของอำเภอซึ่งเป็นชุดจริง เพราะก่อนสอบต้องให้นักศึกษา 2 คนตรวจความเรียบร้อยก่อนแกะซองในห้องสอบ
ผมตอบเพิ่มเติมว่า ข้อสอบสำรอง วิชาบังคับ+วิชาเลือกบังคับ+วิชาเลือกเสรี คงมีครบทุกวิชาที่เปิดในเทอมนั้นในจังหวัดนั้น ๆ ( กระดาษคำตอบใครจะเอาไปตรวจอย่างไร ฯลฯ ) แต่ถ้าคนละจังหวัด(สถานศึกษาเดิมกับสถานพินิจอยู่คนละจังหวัด) อาจจะไม่ครบ โดยเฉพาะวิชาเลือกเสรีแต่ละจังหวัดไม่ค่อยตรงกัน
1) ที่ว่าสถานพินิจเขาจะใช้ข้อสอบของ กศน.อำเภอที่ตั้งของสถานพินิจนั้น วิชาที่เปิดในแต่ละอำเภอแต่ละเทอมไม่ตรงกัน โดยเฉพาะวิชาเลือกเสรียิ่งไม่ค่อยตรงกัน แม้แต่วิชาบังคับ+เลือกบังคับ ก็ไม่ใช่ว่าทุกอำเภอมีข้อสอบครบทั้ง 14+6 วิชาทั้ง 3 ระดับ
ถ้าสถานพินิจอยู่อำเภอเดียวกับสถานศึกษาเดิม ก็อาจอนุเคราะห์ยืดหยุ่น(ไม่มีระเบียบรองรับ)โดยนำข้อสอบของเราไปให้เขาสอบให้
การส่งตัว ทำได้ ก็คือการฝากเรียน แต่ต้องทำตั้งแต่ต้นเทอม
ถ้าเพิ่งเข้าสถานพินิจกลางเทอม ก็คงต้องรอต้นเทอมหน้า ส่วนเทอมนี้เวลาเรียนไม่ครบไม่มีสิทธิสอบ
หลังจากผมตอบไป ก็มีสมาชิกกลุ่มคนหนึ่ง ตอบเพิ่มว่า สำนักงาน กศน.จังหวัดมีข้อสอบสำรองนะ(ทุกวิชาที่สั่ง) ถ้าจะใช้จริง ๆ ควรใช้ข้อสอบสำรอง ดีกว่าจะแกะของอำเภอซึ่งเป็นชุดจริง เพราะก่อนสอบต้องให้นักศึกษา 2 คนตรวจความเรียบร้อยก่อนแกะซองในห้องสอบ
ผมตอบเพิ่มเติมว่า ข้อสอบสำรอง วิชาบังคับ+วิชาเลือกบังคับ+วิชาเลือกเสรี คงมีครบทุกวิชาที่เปิดในเทอมนั้นในจังหวัดนั้น ๆ ( กระดาษคำตอบใครจะเอาไปตรวจอย่างไร ฯลฯ ) แต่ถ้าคนละจังหวัด(สถานศึกษาเดิมกับสถานพินิจอยู่คนละจังหวัด) อาจจะไม่ครบ โดยเฉพาะวิชาเลือกเสรีแต่ละจังหวัดไม่ค่อยตรงกัน
2) ไม่จำเป็นต้องนำข้อสอบไปให้นักศึกษาสอบที่ต่างจังหวัด
ไม่มีระเบียบรองรับ
ตอนรับลงทะเบียน ต้องบอกนักศึกษาว่า ถ้าสามารถเรียนและสอบที่อำเภอใด ก็ให้ไปลงทะเบียนเรียนที่อำเภอนั้น
การเรียนแบบพบกลุ่ม ต้องมีเวลาพบกลุ่มและเวลาสอบที่สถานศึกษาที่ลงทะเบียนเรียน
การฝากเรียน/ฝากสอบ ต้องทำตั้งแต่ต้นเทอม
นักศึกษาทำงานอยู่ที่อำเภอใด ก็ฝากเรียน/ฝากสอบที่อำเภอนั้น นักศึกษาต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่อำเภอที่รับฝากสอบ โดยอำเภอที่รับฝากสอบเป็นผู้นับนักศึกษาคนนั้นเป็นจำนวนนักศึกษาของเขาในเทอมนั้น และเป็นผู้ได้เงินอุดหนุนรายหัวของรายนั้นด้วย
ไม่ใช่ว่า ให้ลงทะเบียนเรียนที่อำเภอตัวเอง เสร็จแล้วนักศึกษาไปทำงานที่อำเภออื่น ฝากสอบที่อำเภออื่น แต่ตัวเองได้นับเป็นจำนวนนักศึกษาของตัวเอง ได้เงินอุดหนุนรายหัว อย่างนี้ก็เป็นนักศึกษาผีประเภทหนึ่ง
ตอนรับลงทะเบียน ต้องบอกนักศึกษาว่า ถ้าสามารถเรียนและสอบที่อำเภอใด ก็ให้ไปลงทะเบียนเรียนที่อำเภอนั้น
การเรียนแบบพบกลุ่ม ต้องมีเวลาพบกลุ่มและเวลาสอบที่สถานศึกษาที่ลงทะเบียนเรียน
การฝากเรียน/ฝากสอบ ต้องทำตั้งแต่ต้นเทอม
นักศึกษาทำงานอยู่ที่อำเภอใด ก็ฝากเรียน/ฝากสอบที่อำเภอนั้น นักศึกษาต้องลงทะเบียนเรียนรายวิชาที่อำเภอที่รับฝากสอบ โดยอำเภอที่รับฝากสอบเป็นผู้นับนักศึกษาคนนั้นเป็นจำนวนนักศึกษาของเขาในเทอมนั้น และเป็นผู้ได้เงินอุดหนุนรายหัวของรายนั้นด้วย
ไม่ใช่ว่า ให้ลงทะเบียนเรียนที่อำเภอตัวเอง เสร็จแล้วนักศึกษาไปทำงานที่อำเภออื่น ฝากสอบที่อำเภออื่น แต่ตัวเองได้นับเป็นจำนวนนักศึกษาของตัวเอง ได้เงินอุดหนุนรายหัว อย่างนี้ก็เป็นนักศึกษาผีประเภทหนึ่ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
ความคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ/ข้อสงสัย